หลายคนคงได้อ่านรีวิวของรองพื้นตัวใหม่ของ NARS ชื่อ All Day Luminous Weightless Foundation กันมาเยอะแล้วเนอะ บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ เราเข้าใจเลยว่าทำไมรีวิวถึงแตกต่างกัน เพราะกว่าเราจะหาวิธีใช้มันให้เข้ากับผิวเราได้ เราก็ต้องลองนู่นลองนี่อยู่พักนึงเหมือนกัน ก็หวังว่ารีวิวและคำแนะนำของเราในวันนี้จะช่วยให้คุณสามารถหาวิธีใช้ให้เข้ากับผิวคุณได้เช่นกันนะคะ

NARS บอกว่ารองพื้นตัวนี้เป็น high-coverage foundation คือรองพื้นที่ให้ระดับการปกปิดสูงตัวแรกของแบรนด์เลย ตัว All Day Luminous Weightless Foundation นี้ออกแบบมาเพื่อให้ระดับการปกปิดสูงสุด (full-coverage) แต่ในขณะเดียวกันก็มีน้ำหนักเบา และติดทนนานถึง 16 ชั่วโมง รองพื้นมาในขวดแก้วกระจกฝ้าสี่เหลี่ยม หนักอยู่เหมือนกัน มีปั๊มมาให้ (ซักทีนะ NARS ขอบคุณค่ะ!) และก็มีฝาปิดเนื้อแม็ทสีดำมาให้ด้วย

Color
สีที่เราซื้อมาคือสี Punjab ซึ่งอธิบายว่าเป็นสี “medium shade with golden, peachy undertones” สีนี้ใกล้กับผิวเรา ณ ตอนนี้ที่สุดแล้ว (MAC NC30 with yellow undertones) เมื่อนำไปเทียบกับสี Punjab ของสูตร Sheer Glow จะเห็นได้ชัดเลยว่าสูตรใหม่นี้สีจะเหลืองกว่านิดหน่อยตามภาพด้านล่าง

ถึงแม้ความแตกต่างจะมี แต่ว่าพอทาลงไปบนหน้าจริง ๆ แล้วก็มองไม่ค่อยเห็นแล้วค่ะ อย่างไรก็ตาม เราจะพยายามระวังในการเลือกใช้แป้งเพื่อเซ็ท เราพบว่าแป้งที่มีเม็ดสีจัด ๆ อาทิเช่น Urban Decay Naked Skin Ultra Definition Loose Finishing Powder (อ่านรีวิว) นั้นใช้แล้วจะทำให้ผิวเหลืองขึ้นมากจนถึงขั้นเหลืองเกินและดูไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นบทเรียนแรกของตัวนี้คือต้องเลือกใช้แป้งให้ถูกค่ะ สำหรับเราเราจะเลือกใช้แป้งที่จะไม่ไปเพิ่มความเหลืองให้กับใบหน้าอีก ตอนนี้ที่เราชอบที่สุดก็คือตัว Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder (US$37 | Sephora) ค่ะ
Formula
เนื้อมันจะเหลว ๆ หน่อย แต่ว่าก็ไม่เหลวเท่า MAC Face & Body foundation เนื้อไม่มีกลิ่นและไม่มีส่วนผสมของสารกันแดด (ดังนั้นจึงไม่ทำให้หน้าวอกขาวในรูปถ่ายที่ใช้แฟล็ช) เราเห็นด้วยกับ NARS ที่บอกว่าตัวนี้ให้การปกปิดสูง คือมันสูงมาก สูงเว่อร์จริง ๆ ค่ะ เราไม่เคยใช้รองพื้นตัวไหนมาก่อนเลยที่ใช้แค่ครึ่งปั๊มก็พอทาทั่วหน้าแล้ว สำหรับตัวนี้เนี่ยะ แค่หยดเล็ก ๆ มันก็พอสำหรับปกปิดรอยแดงข้างจมูกและปาก รวมไปถึงรอยแดงจากแผลเป็นสิวและจุดด่างดำข้างแก้มเราแล้ว เราคิดว่าขวดนี้เนี่ยะจะต้องใช้ได้นานมากแน่นอน อ้อ ก่อนใช้อย่าลืมเขย่าขวดให้ดีก่อนทุกครั้งด้วยนะคะ
และถ้าใครผิวดีอยู่แล้วด้วยเนี่ยะ ก็อาจจะใช้น้อยลงไปอีกก็ได้ รูปข้างล่างนี่คือปริมาณที่เราปั๊มออกมาใช้แต่ละครั้งค่ะ

เราลองใช้วิธีทาหลายวิธีอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นนิ้วมือ ฟองน้ำ Beautyblender และแปรง แต่เราพบว่าใช้นิ้วมือลงนี่จะได้ผลดีที่สุดค่ะ มันเหมือนกับว่าความร้อนจากนิ้วมือจะช่วยให้เนื้อมันเกลี่ยง่ายและกลืนไปกับผิวได้ดีขึ้น เนื้อเหลวของมันนั้นพอทาปุ๊บก็จะแห้งกลายเป็นเนื้อออกแป้ง ๆ ทันที ดังนั้นใช้ตัวนี้ต้องเกลี่ยไว ๆ เลยค่ะ แล้วก็ลงทีละจุด ไม่งั้นมันจะแห้งและเซ็ทก่อน เราจะเริ่มลงจากตรงกลางใบหน้าก่อน แต้มรองพื้นลงไปเป็นจุด ตบเบา ๆ เพื่อกระจาย และค่อย ๆ เกลี่ยออกไปด้านนอกของหน้าค่ะ ค่อย ๆ ทำอย่างนี้ไปทีละจุดจนทั่วหน้า เนื้อของมันจะทิ้ง finish ออกประมาณกึ่ง ๆ แม็ท คือมันไม่แม็ทสนิทเลยซะทีเดียว แต่เราก็ว่ามันไม่ถึงกับให้ความโกลว์หรือกระจ่างใส luminous อะไรมากนักตามชื่อหรอก แค่พอแสงกระทบผิวก็จะเห็นเงา ๆ นิด ๆ พอประมาณ ไม่ใช่แม็ทแบนซะสนิทเลย
การหารองพื้นที่ให้ระดับการปกปิดสูง แต่ว่าเนื้อบาง ทาแล้วรู้สึกสบายไร้น้ำหนักนั้นมันเป็นเรื่องยากเหมือนกันนะ แต่ว่าตัวนี้ทำได้จริง ๆ ค่ะ คือมันก็ไม่ได้แบบทาไปปุ๊บแล้วจะกลบทุกสิ่งอย่างอะไรหมดหรอก แต่ว่ามันก็เกือบล่ะ สำหรับวันธรรมดาเราไม่รู้สึกว่าเราจะต้องตามด้วยคอนซีลเลอร์แต่อย่างใด แต่หากวันไหนอยากได้งานกริบจริง ๆ เราก็จะตามด้วยคอนซีลเลอร์เป็นจุด ๆ ไปค่ะ

ทีนี้มาถึงเรื่องที่จะทำให้คุณชอบตัวนี้มาก ๆ หรือไม่มาก…
จากประสบการณ์เราแล้ว เราพบว่าสิ่งที่ทาบนผิวก่อนลงรองพื้นตัวนี้สำคัญมากค่ะ เราเป็นคนผิวผสมที่มันตรงบริเวณ T-zone รองพื้นส่วนมากนั้นเราก็จะแค่ลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ธรรมดาตามปกติ แต่สำหรับรองพื้นตัวนี้ เราต้องเพิ่มปริมาณมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เราใช้ค่ะ หรือไม่ก็ต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่หนาขึ้นมาหน่อย หากไม่ทาเยอะขึ้นหรือใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เบาเกินไป เนื้อรองพื้นมันจะทำให้หน้าดูแห้งและจะไปจับและเน้นพวกรอยแห้งต่าง ๆ ให้เห็นเด่นขึ้น
นอกจากนี้เราก็จะไม่ใช้ไพรเมอร์ที่ทำให้ผิวแม็ท หรือเบสที่ทาแล้วผิวแม็ทหรือแม็ทผสมแป้ง เพราะว่ามันจะทำให้เนื้อรองพื้นเกลี่ยไปไม่ได้ดี แถมยังยิ่งทำให้ปัญหาหน้าแห้งและลอกเป็นขลุยชัดเจนขึ้นไปอีก คุณสามารถลงซ้ำ ๆ เพื่อเพิ่มระดับการปกปิดได้แต่เราพยายามที่จะไม่ทำโดยเฉพาะบริเวณที่ผิวแห้ง เพราะมันจะยิ่งทำให้แห้งขึ้นไปใหญ่ แถมอาจจะทำให้หน้าดูหนักและหนาด้วย เรารู้สึกว่ารองพื้นตัวนี้เขาดีไซน์ออกมาสำหรับคนที่มีผิวแบบปกติ ผิวผสม และผิวมันเท่านั้นค่ะ

Before and after
ในรูป After ด้านล่างนี้ คุณสามารถเห็นได้ชัดเจนเลยว่าหน้าด้านขวาของเรานั้นสว่างกว่า เนียนกว่า ผิวดูเรียบเนียนเสมอกันดีกว่า รอยแดงข้างจมูกและปากก็ดูจะหายไป รูขุมขนดูเบลอร์ ริ้วรอยดูจาง ใต้ตาคล้ำก็หายไป แต่ว่าผิวโดยรวมก็ยังคงมีความเงาตามธรรมชาติอยู่ เนื้อที่เหลืองของมันนั้นก็ดูจะช่วยปรับให้สีผิวบนหน้ากับคอเราให้เข้ากันได้ดีขึ้น

ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่ได้มีโอกาสใช้รองพื้นตัวนี้นานถึง 16 ชั่วโมง แต่ว่าเรายืนยันได้ค่ะว่ามันติดทนนานดีจริง ๆ ไม่มีจาง เนื้อแยกหรือลอกเป็นขลุยระหว่างวันแต่อย่างใด ตอนบ่าย ๆ อาจจะมีแอบมันบ้างตามบริเวณ T-zone แต่ว่าพอซับแล้วหน้าก็กลับมาแม็ทเหมือนเดิมยาวไปถึงกลางคืน สีของตัวนี้จะไม่ oxidize เข้มขึ้นระหว่างวัน และไม่ทำให้ผิวระคายเคืองหรือเป็นสิวแต่อย่างใด เนื้อเบาสบายทั้งระหว่างและหลังทา ไม่หนัก ตราบใดที่ทาในปริมาณที่กำลังดีไม่เยอะเกินค่ะ
โดยรวมแล้ว รองพื้นตัวนี้ใช้ไม่ง่ายค่ะ ต้องทดลองนู่นนี่นิดนึงเพื่อหาวิธีให้เข้ากับผิวของแต่ละคน แต่ว่าหลังจากที่คุณหาวิธีที่ใช้แล้ว work ได้นั้น เราคิดว่ามันก็เป็นอีกหนึ่งรองพื้นในกลุ่มที่ให้ระดับการปกปิดสูงที่ดีตัวหนึ่งในตลาดตอนนี้เลยค่ะ ถ้าคุณสามารถหาสีที่เข้ากับผิวคุณได้ มีผิวอยู่ในกลุ่มปกติ ผสม หรือมัน หรืออยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนและชื้นหน่อย เราว่าคุณน่าจะชอบตัวนี้มาก ๆ ค่ะ :)
Purchase
US$29 at Sephora ○ Nordstrom ○ Beauty.com
฿1,950 at Sephora Thailand
Great tips! I found this foundation very difficult to work with. I like the Sheer glow but it didn’t last on my oily skin. Hearing Nars was coming out with a long-lasting-formula foundation, l was thrilled! I had really high hope for it. I got so excited I purchased it the first day it came out. Lol
Sadly I couldn’t get it to work for me. It’s too drying and accentuates all the fine lines I have. It clings to all the dry patches and, again, accentuates and make them look worst. In the end I figured I had to extra moisturize my skin, but still, I didn’t feel that it made me look exceptionally beautiful. For a $50+ foundation (including tax), I think it’s legit to expect it to make me look extraordinary, you know what I mean? Lol I don’t think we should have to work that hard to get a foundation to work for us. It should come work for us, not the other way around! Lol As a result, I no longer use it. I’m curious how it would work in hot and humid weather though. Maybe I’ll bring it to try in Thailand.
Ouch, sorry to hear ka! Actually that was my experience in the beginning as well. No doubt this foundation needs a lot of fine-tuning and your skin has to be just right to achieve good results. Have you tried using just a tiny, tiny dot? I barely use a touch on each section of my face and that seems to drastically help reduce the foundation from emphasizing dry spots! :)
It’s one of the most difficult foundations to use for sure considering the price!
ถ้าเทียบกับ Laura Mercier Smooth Finish Flawless Fluide ตัวไหนคุมมันได้ดีกว่ากันคะ คุณจ๋า ตอนนี้กำลังสับสนกับ 2 ตัวนี้มากๆ พอบอกว่าเกลี่ยยากเลยลังเลไปที่ Laura มากกว่าค่ะ
สำหรับเราเรื่องควบคุมความมันนี่พอ ๆ กันเลยค่ะ ของ LM ใช้ง่ายกว่าค่ะในความรู้สึกเรา :)
ขอบคุณมากๆ ค่า อิๆ ต้องไปลอง Laura Mercier ซะแล้ว
กำลังมองหาวิธีลงเจ้าตัวนี้ให้ไม่เป็นคราบอยู่เลยค่ะ เดี๋ยวจะลองลง moisturrizer เพิ่ม เเละงด benefit porefessional primer ที่ทำให้หน้าเเม็ทเกินไปตามที่คุณจ๋าเเนะนำดู ขอบคุณสำหรับทริคดีๆนะคะ :D
ยินดีค่ะ good luck! :)