โอเค อันดับแรกต้องบอกก่อนเลย (อย่าว่ากันน้า) เราซื้อลิปสติกตัวนี้เพราะเราชอบ packaging! แฮ่! อันนี้ไม่ผิดใช่มั้ย สาว ๆ เราก็ชอบอะไรที่ดูสวยงามเป็นธรรมดา…..

อธิบายนิดนึง คือตัว packaging อันนี้มันทำมาจากพลาสติกที่พอจับดูแล้ว smooth มาก ความรู้สึกออกแนว matte นิดนึงซึ่งก็เข้ากันพอดีกับ matte lipstick ข้างใน สีของตัว tube เป็นสีแดง มีชื่อ Kate เป็นตัวหนังสือสีดำอยู่ตรงฝา แล้วก็มีรูปหัวใจเล็ก ๆ อยู่ใต้ชื่อ Kate น่ารักอ้ะ!! แล้วก็แปลกดีด้วย ไม่เหมือนใคร ตรงด้านบนของฝาจะมีรูปโลโก้ของ Rimmel อยู่เป็นรูปมงกุฏที่เราคิดว่าก็น่ารักดี ฝาตัวนี้เวลาปิดจะได้ยินเสียงคลิ๊ก แล้วปิดแน่น ไม่เผยอออกแน่นอน ไม่ต้องกังวลเลยถ้าจะเอาใส่กระเป๋าเครื่องสำอางค์ไปไหนมาไหนด้วย สรุปเรื่อง packaging อันนี้เราให้ 10 เต็ม


ตัวนี้มีทำมาทั้งหมด 10 สี ครอบคลุมทั้งสีออกนู้ด ๆ, สีชมพูที่ใช้ได้ทุกวัน และสีออกไปทางแดง เพื่อให้เข้ากับสีผิวของหลาย ๆ คน (หรืออารมณ์ของแต่ละคน!) ตัวนี้จะไม่มีชื่อสีนะคะ แต่จะมาเป็นเบอร์แทน ตัวเบอร์ print อยู่ใต้หลอดบนสติ๊กเกอร์ที่เป็นสี ๆ ตัวสีของสติ๊กเกอร์จะเป็นตัวบอกสีลิปสติกข้างใน
เราซื้อมาทั้งหมด 3 สี:
- 101 – mauve-pink ชมพูหม่น ๆ
- 102 – bright coral pink สว่างขึ้นมาหน่อย ชมพูอมส้ม
- 113 – extremely pale beige nude นู้ดอ่อนสุด ๆ

ตัวนี้มีกลิ่นของผลไม้ออกหวาน ๆ ประมาณพวกหมากฝรั่งรสสตรอเบอร์รี่ กลิ่นแรงมากแต่เรากลับชอบนะ กลิ่นมันจะออกแนวสังเคราะห์หน่อย ดังนั้นถ้าใครไม่ชอบหรือแพ้พวกกลิ่นน้ำหอม อาจจะต้องระวังตัวนี้ติดนึง ส่วนเรื่องของเนื้อลิปสติก อันนี้จะไม่ค่อยเหมือน matte ลิปสติกทั่วไปเท่าไหร่ (ปกติพวก matte ลิปสติกจะแห้ง ๆ ทาไปก็ดึงปากไป แล้วก็รู้สึกหนัก) แต่ตัวนี้มันเบามาก แล้วก็ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ที่แปลกคือพอทาแล้วแทนที่จะ matte ไปเลยแต่กลับมี sheen เงา ๆ นิดหน่อย เราว่ามันออกไปทาง satin finish มากกว่า matte

เบอร์ 101 และ 102 เนื้อจะนุ่มมาก และสีก็แน่นมาก ทาซัก 1-2 ชั้นก็ได้สีมันแล้ว ส่วนเบอร์ 113 อันนี้มันจะลื่น ๆ แล้วเราก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเกาะติดกับปากเท่าไหร่ มันเหมือนกับว่ามันลอย ๆ อยู่มากกว่า เพราะฉะนั้นตัวนี้จะไม่ติดทนเลย จะทาหลาย ๆ ชั้นเพื่อให้เห็นสีก็ไม่ work เพราะมันลื่นเกิน สีมันก็ผลักกันไปมาอยู่บนปาก เราก็ผิดหวังนิดหน่อยกับสีนี้ นึกว่ามันจะออกนู้ด matte สวย ๆ เบอร์สีชมพู 101 กับ 102 สีจะติดทนประมาณ 2-3 ชั่วโมงได้ อันนี้แบบทานเบา ๆ ดื่มน้ำเบา ๆ นะ ถ้าจัดหนักสีก็หายไปเร็วขึ้น หลังจากสีจางแล้วจะทิ้ง soft stain บนริมฝีปากนิดหน่อย เราไม่พบว่ารุ่นนี้ bleed หรือ feather (ไหล/ซึม) รอบ ๆ ขอบปากนะ ไม่ว่าจะใช้ทาบนปากเปล่า ๆ หรือทับ lip liner/primer ก็ตาม

เนื่องจากตัวนี้จะไม่ให้ความรู้สึกแห้ง ดังนั้นเราจึงไม่ลงลิปบาล์มก่อน แต่สำหรับบางคนยังอาจคิดว่าตัวนี้แห้งเกินไป ถ้าเช่นนั้นก็ให้ทาลิปบาล์มก่อนได้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ส่วนวิธีการทา เราจะขัดปากก่อนอันดับแรก จากนั้นก็ซับ ๆ ๆ ให้ oil ออกไปให้หมด (เราว่าปากที่สะอาด ๆ แห้ง ๆ นิดนึงน่ะจะทาลิปสติกพวก matte สวย) แล้วจึงทาลิปสติก เราทามันไปตรง ๆ จาก tube เลยนั่นแหละ ไม่ได้ใช้ lip brush หรืออะไรหรอก เราไม่รู้สึกว่ามันดึง ๆ ปาก หรืออะไรเลยนะ สงสัยคงเป็นเพราะว่าเนื้อมันนุ่ม creamy ดี ส่วนคนไหนที่ปากแห้งหรือเป็นขุย แนะนำว่าต้องขัดปากก่อนทานะคะ เพราะไม่งั้นมันจะเห็นพวกรอยแห้งมากขึ้นไปอีก


รุ่นนี้เราซื้อมาเมื่อซักต้นปีได้ ช่วง Spring ถึงแม้ว่าจะนานแล้ว แต่ว่าก็ยังสามารถหาซื้อได้อยู่นะคะ เรายังเห็นอยู่เยอะเลยตาม drugstore หาไม่ยากค่ะ ราคาก็แสนสบายเทียบกับคุณภาพแล้วเราว่าคุ้มเลยล่ะถ้าจะซื้อซัก 2-3 สี สรุปเราชอบนะ แล้วก็ขอแนะนำค่ะ (ยกเว้นสี 113 ไม่แนะนำ!)