เราได้ยินกิตติศัพท์ของ Becca Shimmering Skin Perfector ตัวนี้มาได้ซักพักแล้ว แต่เพิ่งจะได้ลองจริง ๆ ก็เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ตอนนี้เราใช้อันที่เป็น sample size อยู่ ได้มาจาก Sephora โดยเอา 100 points ไปแลก พอใช้แล้วเรารู้เลยว่าถ้าหมดแล้วจะต้องซื้อ full size แน่นอน เพราะมันใช้ดีจริง ๆ! มิน่าล่ะ ทำไมตัวนี้ถึงเป็น cult favorite highlighter :)

อย่างที่บอกว่าตัวนี้เป็น sample size มันเลยมาเป็นหลอดบีบแบบจิ๋ว (ของจริง full size จะมาเป็นขวดปั๊ม) ตัว sample จะเป็นขนาด 0.50 fl oz / 15 ml ที่เราคิดว่ามันก็เยอะมากแล้วนะ คงอีกนานเลยกว่าเราจะใช้หมด เพราะใช้ครั้งนึงแค่นิดเดียวเอง Becca Shimmering Skin Perfector ตัวนี้ไม่เหมือน highlighter ทั่ว ๆ ไปนะคะ ตัวนี้เนื้อจะออกคล้าย ๆ ครีมแล้วก็หนานิดหน่อย แล้วสีก็ opaque ด้วย ตัว shimmer จะละเอียดมาก ๆ สีที่เรามีคือสี Opal ก็จะออกประมาณ warm golden sand เมื่อทาลงไปบนผิว medium tone ของเรา (NC30) เราว่ามันเป็น perfect match เลยนะ ทำให้หน้าดู glow แบบเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ดู tan/bronzed หรือ muddy อะไร สีที่บอกว่าเป็น opaque เนี่ยะ สามารถ sheer out ให้ได้ glow บาง ๆ ที่เป็นแบบ “barely there” ประมาณว่า glow แบบมองไม่ออกว่าไปทำอะไรมาทำไมถึง glow แล้วก็จะมองเห็นเฉพาะเวลาที่หันหน้าไปที่ certain angles เท่านั้น
เนื้อครีมจะหนานิดหน่อย แต่ว่า creamy พอที่จะเกลี่ยได้แบบสบาย ๆ สามารถใช้แปรงเล็ก ๆ ที่ขนแปรงเป็น synthetic ลงก็ได้ หรือจะใช้นิ้วมือก็ได้ แต่เราชอบใช้นิ้วมือมากกว่าเพราะมันให้ soft glow ที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า และอีกอย่างมันก็ง่ายดี ไม่ต้องไปหาแปรง เราไม่แนะนำให้ใช้แปรงที่ขน loose หรือ fluffy เพราะมันจะดูดซับเนื้อครีมหมดแล้วมันก็จะพาไปสร้าง glow ในที่ที่ไม่ต้องการแถมไปด้วย เรายังจำได้เลยตอนที่เราใช้ตัวนี้ครั้งแรก มันรู้สึกเหมือนว่าครีมมันซึมหายลงไปกับผิวเลย ต้องนั่งเล็งหน้าตัวเองซักพักเพื่อหาว่า เอ่อ เมื่อกี๊ทาไว้ตรงไหนหว่า มัน subtle ขนาดนั้นเลยจริง ๆ


เราชอบที่จะลงตัวนี้ตรงโหนกแก้ม ใต้คิ้ว สันจมูก และ ตรงรอยหยักเหนือปาก (cupid’s bow) จริง ๆ แล้วก็ใช้ตรงไหนก็ได้ที่อยากให้บริเวณนั้น illuminate เราชอบที่จะใช้ตัวนี้เป็น spot highlighter เฉพาะที่มากกว่าที่จะใช้ทั่วทั้งหน้า เพราะว่า ถ้าใช้เยอะไปโดยไม่ระวัง หน้าอาจจะกลายเป็น disco ball แทนที่จะ glow มาจากข้างในแทน ถ้าใครจะผสมตัวนี้กับรองพื้น, moisturizer, BB cream หรือผลิตภัณฑ์พวก base แนะนำว่าให้ใช้แต่น้อย ๆ นะคะ อีกอย่างคือตัวนี้ถ้าหน้าไม่เรียบเนียนอยู่ก่อนแล้ว แล้วยิ่งไปใช้สร้าง all-over glow มันอาจจะทำให้พวกรูขุมขนหรือ imperfections ต่าง ๆ เห็นชัดขึ้นไปอีก สำหรับคนที่ผิวมีปัญหาแนะนำว่าให้ใช้เป็น spot highlighter ดีกว่าค่ะ
เราชอบลงตัวนี้หลังจากลงรองพื้นแล้ว แล้วถึงค่อยทับด้วยแป้งเพื่อ soften the edges มันติดทนนานอยู่เหมือนกันนะ หน้าเราก็ดู glow ทั้งวันตอนใช้ตัวนี้ และไม่อยากจะบอกว่า ตัวนี้ใช้ perk up tired skin ได้ดีมากอ้ะ! ใครหน้าหมอง นอนน้อย หน้าดูเหนื่อย ๆ จัดเลย รับรองทาแล้วเหมือนกับว่าเมื่อคืนได้นอนมา 8 ชม. :) แล้วตัวนี้ก็ไม่ได้ทำให้หน้าเรามันขึ้นหรือว่า clog pore หรือทำให้เป็นสิวอะไรเลยด้วย

อยากให้มาลอง Becca Shimmering Skin Perfector ตัวนี้ดูถ้ากำลังมองหา illuminator ดี ๆ ซักตัวที่จะทำให้หน้าคุณดูมี radiance แบบเป็นธรรมชาติ ถ้าใครคิดว่าสี Opal อาจจะเข้มไปหรืออ่อนไป ลอง search online for swatches ดูก่อนก็ได้ค่ะ เราคิดว่าตัวนี้มันทำมาทั้งหมด 4 สีนะ มีทั้งสีที่แบบอ่อนสุด ๆ almost pearly white ไปถึง bronze เข้มเลย สี Opal นี้จะอยู่ตรงกลาง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ผิวสีปานกลาง อย่างที่บอกเราจะซื้อ full size แน่นอนถ้าใช้ตัวนี้หมด แต่ว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะหมด คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่ เจ้าตัว sample size อันนี้เราน่าจะใช้ได้อย่างน้อย ๆ ก็ครึ่งปีเลยนั่นแหละ คุ้ม 100 points สุด ๆ :)
Purchase
US$41 at Sephora
฿850 at Sephora Thailand