รีวิว Benefit The Big Easy Liquid To Powder SPF 35 Foundation

เราจำได้ว่าตอนที่ไปลอง swatch Benefit The Big Easy ตัวนี้บนหลังมือที่ร้านแล้วแบบชอบ coverage กับ finish ของมันมาก แต่ว่าเราไม่ได้ซื้อกลับมาเพราะรู้ว่าอีกเดี๋ยวซักพัก Benefit ก็ทำเวอร์ชั่นจิ๋วออกมาขาย ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว Sephora ก็มีอันนี้เป็นหนึ่งใน sample ของ 100 point perks เราก็หยิบใส่ตะกร้าเลย ตอนนี้ใช้หมดหลอดแล้วก็เลยพร้อมมารีวิวให้ฟังว่ามันเป็นยังไง โดยรวมแล้วถือว่าก็โอเคค่ะ ทำงานได้ดีพอสมควร แต่ว่ามันก็มีข้อแม้ในการใช้อยู่นะในความคิดเห็นเรา

หลอดจิ๋วที่เราได้มาอันนี้คือสี 03 Light/Medium ค่ะ มันมีทั้งหมด 6 สีด้วยกัน 03 นี่เกือบจะ match กับผิวเรานะ แต่ถ้าจะเอาให้เป๊ะจริง ๆ เราว่าของเราอยู่ระหว่าง 03 กับ 04 ค่ะ พูดถึงแล้ว range มันจำกัดเหมือนกันเนอะสำหรับอะไรที่เป็นรองพื้นแบบนี้ ก็หวังว่าในอนาคต Benefit จะขยาย shade selection ให้มากกว่านี้นิดนึง

ตัวนี้เขาบอกว่าเป็น “multibalancing complexion perfector with broad-spectrum SPF 35 sunscreen” ซึ่งเราคิดว่าจริง ๆ แล้ว The Big Easy นี่มันก็คือรองพื้นผสม SPF ดี ๆ นี่เอง หนาปกปิดรูขุมขนและรอยแดงใช้ได้ซึ่งเราชอบ แต่ว่าถ้าใครมีสิวที่กำลังสุกหรือแดง หรือมีรอยดำชัดเจนมาก อันนี้ปกปิดไม่อยู่แน่นอนค่ะ

ถ้าจะให้อธิบายลักษณะเนื้อมัน ลองนึกว่าเอารองพื้นไปผสมกับกันแดดดู จากนั้นใส่แป้งเข้าไป ประมาณนั้นเลย เนื้อมันจะหนา ๆ หน่อยนะเราว่าตอนทาลงไปบนผิว แล้วก็แห้งเร็วมากด้วย ดังนั้นแนะนำว่าให้ลงทีละส่วนของหน้าไปค่ะ อย่าไปทาลงไปทีเดียวเลย เราลองใช้หลายวิธีในการลงเหมือนกัน แต่พบว่านิ้วมือดีที่สุด เพราะความร้อนจากนิ้วมือจะไปช่วยให้เนื้อมันเกลี่ยง่ายขึ้น ตัวนี้ไม่ต้องตามด้วยแป้งเพื่อเซ็ทก็ได้ค่ะ เพราะว่า finish มันเองก็ matte สุด ๆ และแป้งสุด ๆ อยู่แล้ว (matte and powdery finish)

ทีนี้มาถึงข้อแม้ในการใช้อย่างที่เราบอกข้างต้น

1. ตัวนี้มี good coverage ปกปิดดีก็จริง แต่ว่ามันเกลี่ยยากเหมือนกันนะ และถ้าอยากลงทับตรงไหนเนี่ยะ เราว่ามันจะยิ่งทำให้หน้าดูหนาแล้วก็ดู cakey
2. เนื่องจากว่า finish มันจะออกเป็นแป้ง ๆ ดังนั้นก่อนใช้ตัวนี้ผิวคุณต้องผ่านการ moisturize มาอย่างดีที่สุด ถ้าผิวไม่ดีแต่เริ่มต้น มันจะไปตกตามรูขุมขน เกาะตามรอยแห้ง และทำให้ผิวดูไม่เนียน จะเห็นเป็นเส้น ๆ ตามรอยแห้งบนผิว
3. ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้ง เราว่าตัวนี้ไม่เหมาะกับคุณค่ะ มันจะยิ่งไปเน้นให้แห้งมากขึ้น แต่ถ้าใครผิวมันหรือผิวผสม ตัวนี้อาจจะทำงานดีอย่างเกินคาด เพราะว่ามันควบคุมความมันได้ดีมาก ๆ เราทาแล้วหน้าไม่มันเลยทั้งวัน
4. และเนื่องจากว่าเนื้อมัน build ยาก ยิ่งลงทับ หน้าจะดูแป้ง ๆ มากขึ้นไปอีก ดังนั้นถ้าอยากปกปิดอะไรเพิ่ม จะต้องใช้ concealer เข้าช่วยแทน

ตัวนี้เป็น oil-free และ non-comedogenic ด้วยค่ะ คือปราศจากน้ำมันและไม่ทำให้เกิดสิว ตลอดสัปดาห์ที่เราใช้มา เราไม่เป็นสิวเลย ดังนั้นก็จริงอย่างที่เขาอ้างมา และถึงแม้ว่าตัวนี้จะมีส่วนผสมของ silicone เต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผิวเราระคายเคืองแต่อย่างใด ก็แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะปกติอะไรที่มี silicone เยอะขนาดนี้ เราจะเป็นสิวเร็วมาก

นอกจากนี้เขาก็บอกว่าสีของตัวนี้มันจะ “self-adjust to your exact shade to even out skin tone” คือปรับสีตัวมันเองให้เข้ากับสีผิวคุณ เวลาเราได้ยินอะไรแบบนี้เราจะมีขำเล็กน้อยนะ แต่ว่าตัวนี้มันทำได้อย่างนั้นจริง ๆ ค่ะ เบอร์ 03 นี่สำหรับเราแล้วเราว่ามันขาวเกินไปนิด แต่ว่าพอทาไปได้ซัก 10-15 นาทีมันจะค่อย ๆ กลืนไปกับผิว ไม่เห็นว่าหน้าวอกแต่อย่างใด พอมันเซ็ทตัวดีแล้วจะเห็นได้เลยว่าผิวเราดูดีขึ้น เนียนขึ้น และสม่ำเสมอขึ้น (ดูรูป before and after ด้านล่าง)

Before and After

Fresh-faced makeup look

ก็เข้าใจนะว่าทำไมตัวนี้บางคนก็บอกดีบางคนก็บอกไม่ดี เพราะว่ามันไม่ใช่ product ที่ใช้ง่ายนะในความรู้สึกเรา ในขณะที่สีมันอาจจะไม่อะไรมากเพราะมันปรับตัวได้ แต่ว่าผิวคุณก่อนทานี่ต้องอยู่ในสภาพดี ชุ่มชื้นสุด ๆ และปริมาณการใช้ก็สำคัญ เยอะเกินก็หนาเกิน แป้งเกิน คือมันต้องใช้เวลานิดหน่อยกับการลงตัวนี้ แล้วผิวเราตอนนี้ก็แห้งมากด้วย มันเลยยุ่งยากเกินไปสำหรับเรา ณ ตอนนี้ เราไม่ชอบที่ finish มันออกเป็นแป้ง ๆ อีกต่างหาก เราเลยคิดว่าคงจะไม่ได้ใช้ตัวนี้ทุกวันแน่นอน แต่พอถึงช่วง Summer เมื่อไหร่อาจจะได้มีลองใช้อีก เพราะช่วงหน้าร้อนเราจะหน้ามันมาก ไม่แน่ว่าตอนนั้นเราอาจจะชอบมากกว่านี้ก็ได้ :)

Purchase