Benefit Fakeup ตัวนี้เป็น impulse purchase ค่ะคือไม่ได้ตั้งใจจะซื้อแต่ว่าพอเห็นแล้วก็แบบเอออยากได้ขึ้นมาซะงั้น ตอนเราซื้อบนเว็บ HSN เขากำลังมี sale event พอดีเราก็เลยได้ที คิดว่านะ ซะหน่อยก็ได้งั้น สรุปพอใช้แล้วถือเป็น concealer ตัวนึงเลยที่เราขาดไม่ได้
ตัว Fakeup นี้ก็เหมือนผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆ จาก Benefit เพราะมันมาในแท่งที่ fancy-schmancy มาก! เป็นแท่งสีเงิน ๆ เงา ๆ คล้าย ๆ กับแท่งลิปสติกและก็มีลวดลาย swirls สีชมพูอยู่รอบ ๆ ฝา ก็เป็นอะไรที่หลาย ๆ คนมองแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นของ Benefit :) – playful and quirky! เวลาใช้ก็ง่าย แค่เปิดฝาออก หมุนข้างใต้เพื่อให้ตัว concealer หมุนขึ้นมา แค่นั้นเอง ตัวแท่งมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ฝาปิดแน่น ดังนั้นพกพาสะดวก เอาใส่กระเป๋าเครื่องสำอางเล็ก ๆ ก็ได้สบาย ๆ
Fakeup ตัวนี้ไม่เหมือนกับ stick concealer ทั่วไป มัน unique กว่าตรงที่ว่ามันรวมตัว concealer ที่ให้การปกปิดแบบ medium coverage ไว้กับ emollient ที่คอยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง เพื่อเวลาทาแล้วผิวจะได้ไม่รู้สึกแห้ง ดูรูปข้างล่างแล้วจะเข้าใจว่ามันทำได้อย่างนั้นได้ยังไง ตรงกลางแท่งคือตัว concealer ที่ creamy และ opaque ส่วนรอบ ๆ นั้นจะเป็น “hydrating ring” ใส ๆ สีออกประมาณ off-white ซึ่งตรง ring นี้แหละที่จะเป็นตัวให้ความชุ่มชื้นเพราะมีส่วนผสมของวิตามิน E และสารสกัดจากแอปเปิ้ลเพื่อช่วยให้ความชุ่มชื้นและทำให้ผิวรู้สึกสดชื่นขึ้น
ตัวนี้ทำมาสำหรับเป็น crease-control under eye concealer คือไว้ทาใต้ตาโดยเนื้อครีมจะไม่ตกตามร่องริ้วรอย และจากประสบการณ์การใช้ของเรา เออ มันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ อย่างอื่นต้องบอกก่อนว่า เราไม่ค่อยมีปัญหากับผิวหนังใต้ตาคล้ำหรือแต่อย่างใด แต่เราก็ยังคงชอบใช้ concealer นิดหน่อยเป็นประจำโดยเราจะลงเป็นรูป 3 เหลี่ยมจากใต้ตาลงมาถึงข้างจมูก เพื่อให้หน้าแลดูสว่างขึ้น Fakeup ตัวนี้ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว มันทำให้ใต้ตาสว่างขึ้นแล้วก็ชุ่มชื้นขึ้น ตอนทาจะรู้สึกเลยว่ามันลื่นมาก ไม่ดึง ไม่รั้งผิวใต้ตาตอนทา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวหนังใต้ตาเนี่ยะ เป็นอะไรที่เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายมาก ดังนั้นอะไรที่จะเอามาใช้แถว ๆ นี้ต้องลงด้วยน้ำหนักมือที่เบาที่สุด Fakeup ตัวนี้มันทำให้เรารู้สึกอยากตื่นขึ้นมาตอนเช้าทุก ๆ วันเพื่อที่จะมาใช้มัน ฟังดูแล้วก็เหมือนจะเว่อร์เกินจริง แต่บอกตามตรงค่ะ เราชอบความรู้สึกตอนที่ทามันลงไปบนผิวมาก มันเหมือนกับว่ากำลังทาอะไรที่มันแบบนิ่ม ๆ ลื่น ๆ jelly-silicony ลงบนผิว แต่ว่าไม่ทำให้หนักหน้าหรืออะไรนะ พอทาแล้วก็เห็นผลทันทีเลยว่าตารู้สึกตื่นขึ้น และพวกริ้วรอยก็ดูเลือนหายไป
เนื้อครีมถือว่านิ่มมาก พอเริ่ม blend แล้วมันเหมือนจะละลายหายไปกับผิวเลย เวลาเราลงเราก็ลงมันจากแท่งตรง ๆ เลยนี่แหละ จากนั้นก็ใช้นิ้วนางค่อย ๆ เกลี่ยออกเบา ๆ ถ้าใครอยากใช้แปรงก็ใช้ได้เพื่อช่วยให้ application ดู precise ขึ้น ตัวนี้เราคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง pre-warm คือใช้นิ้ววน ๆ ให้เนื้อครีมมันละลายก่อนใช้ เพราะตัวนี้มันมาแบบ creamy มากและเกลี่ยได้ง่ายมากอยู่แล้ว ตอนเอามาทาใต้ตาเราพบว่าจะได้ผลดีที่สุดถ้าทาลงไปบนผิวสะอาดเปล่า ๆ ที่ยังไม่มีเครื่องสำอางใด ๆ ยกเว้น moisturizer มันจะทำให้ผิวรู้สึกชุ่มชื้นขึ้นดีกว่าทาทับรองพื้น ลงชั้นเดียวก็ได้ coverage ที่มากพอแล้วสำหรับเรา แต่ถ้าใครมีปัญหาใต้ตาคล้ำมากก็อาจจะต้องลงเพิ่ม ตัวนี้ coverage อยู่ในระดับ medium to full ซึ่งจะเห็นได้จากรูปข้างล่างที่ดูแล้วจะเห็นเลยว่าลง 1 ชั้น กับ 2 ชั้นความ opacity ของสีแทบจะไม่ต่างกันเลย เพราะ pigment มันแน่นจริง ๆ ตัวนี้ดีค่ะ ลงเพิ่มได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ทำให้หน้าดู cakey (พอกหนา) หรือ streaky (เป็นเส้น ๆ) แต่อย่างใด
ส่วนเรื่อง finish อันนี้จะออกไปทาง dewy ค่ะ แต่ไม่เหนียวนะ และก็อาจจะต้องรอซักแป๊บเพื่อให้มัน set ปกติเราก็จะรอซัก 2-3 นาทีจากนั้นก็จะตามด้วยแป้ง setting powder ตัว powder จะช่วยทำให้ผิวดู matte ขึ้น และก็ช่วยทำให้ concealer ติดทนมากขึ้น
แต่พูดถึงเรื่องความติดทนจริง ๆ อันนี้ก็ไม่ค่อยทนเท่าไหร่ค่ะ ซักประมาณ 3-4 ชม. ก็เริ่ม fade แล้ว แต่ว่าตลอดเวลาที่ทาไว้มันไม่มีตกตามร่องริ้วรอยอะไรเลยนะ แล้วข้อดีอีกอย่างคือ หลังจากที่มัน fade แล้วมันไม่ทำให้ผิวรู้สึกแห้งหรือ patchy แต่อย่างใด ไม่เหมือนกับ concealer อื่น ๆ ที่เคยใช้มาที่พอแห้งแล้วทีนี้ผิวจะแห้งมากและลอกเป็นขลุย ตัว Fakeup ตัวนี้ไม่เลย
นอกจากไว้ทาใต้ตาแล้ว เรายังชอบใช้ Fakeup ทาข้าง ๆ จมูกและคางเราด้วย เพราะข้างจมูกและคางเรามันจะแดงเป็นประจำเลย ซึ่ง Fakeup ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ปกปิดรอยแดงได้ดีเยี่ยม แถมไม่ทำให้ผิวตรงนั้นมันแห้งเพิ่มขึ้นไปอีก ดีใจมากตรงนี้และก็ขอบคุณ Benefit ที่ทำตัวนี้ออกมาหลังจากที่หาอะไรแบบนี้มานาน
นอกจากนี้เราก็ได้ลองใช้ Fakeup เพื่อกลบสิวเหมือนกันนะ แต่ว่าอันนี้ปกปิดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะมัน creamy เกินแล้วก็ลื่นเกิน เราว่า concealer ที่จะเอามาใช้ปกปิดสิวควรจะเป็นอะไรที่ less creamy หน่อยและก็ไม่ลื่นจนเกินไปนักมันถึงจะติดอยู่ แต่ว่า Fakeup ตัวนี้เขาก็ไม่ได้ทำมาเพื่อใช้ปกปิดสิวอยู่แล้ว เราแค่เอามาบอกไว้เฉย ๆ เป็นข้อมูลเพิ่มเติม แต่ว่าถ้าใครสิวหายแล้วและมีรอยแดงอันนี้ใช้ปกปิดได้ดีเลยค่ะ แค่ต้องไม่ใช้บนสิวที่กำลังอักเสบอยู่แค่นั้นเอง สำหรับสิวอักเสบคงจะต้องหา concealer ตัวอื่นที่มัน heavy-duty มากกว่า Fakeup มาใช้
อย่างที่บอกไปนะคะว่าเราไม่ได้มีปัญหาใต้ตาคล้ำซักเท่าไหร่อยู่แล้วเราก็เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่า Fakeup จะใช้ได้ดีกับคนที่ใต้ตาคล้ำมากรึเปล่า แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถใช้ตัวนี้ควบคู่ไปกับ concealer ตัวอื่นด้วยก็ได้หรือจะใช้พร้อมไปกับ corrector อีกทีก็ได้เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
ข้อจำกัดอย่างหนึ่งคือเรื่องของสี Benefit ทำ Fakeup ออกมาแค่ 3 สีเองคือ 01 Light, 02 Medium และ 03 Dark โชคดีสี 02 Medium เข้ากับผิว NC30 ของเราพอดีแต่ว่าเราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทุกคนจะหาสีที่ match กับผิวตัวเองเจอ จริง ๆ แล้วก็สามารถผสม 2 สีเข้าด้วยกันก็ได้แต่ว่านั่นก็ถือเป็นอีก 1 step ที่จะต้องทำเพิ่มขึ้น ก็หวังว่าคุณคงจะหาสีที่เข้ากับผิวคุณได้นะคะ เพราะเชื่อเถอะว่าถ้าได้ลองแล้วจะต้องชอบเหมือนกันแน่นอน :)
