ถึงวันนี้หลายท่านคงทราบแล้วว่าเรารัก Bite Beauty Agave Lip Mask มากแค่ไหน! เวลามีใครถามว่าใช้ลิปบาล์มอะไรดีเพราะปากแห้งและแตกมาก เราก็จะแนะนำตัวนี้ตลอด เราได้เขียนรีวิวของตัวนี้ไว้อย่างละเอียดแล้วที่หน้านี้ ดังนั้นวันนี้เราแค่จะมาเขียนรีวิวเปรียบเทียบระหว่างสี Original กับสีใหม่อีก 3 สีได้แก่สี Champagne, Smashed และ Maple ให้อ่านกันค่ะ

In a nutshell
Bite Beauty Agave Lip Mask เป็นลิปบาล์มแบบ heavy-duty คือมันจะให้ความชุ่มชื้นและบำรุงปากได้ดีมากกว่าลิปบาล์มธรรมดาทั่วไป เนื้อของมันจะหนาหนึบหน่อย ส่วนประกอบทำมาจากสิ่งที่ทานได้ทั้งนั้น ไม่มีสิ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนผสมมีตั้งแต่ bio-active blend ของ organic agave nectar, jojoba oil, vanilla CO2 extract รวมไปถึง antioxidant trans-resveratrol ที่พบในไวน์แดง ไม่มีส่วนประกอบของกลูเต็นหรือปิโตรเลียม แต่ว่ามีลาโนลินเกรดยา (เป็นสารที่มีลักษณะหนืดและเหนียวที่พบได้ตามธรรมชาติบนขนแกะ) เป็นส่วนประกอบหลัก ตัวนี้มีบางคนที่แพ้ค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะแนะนำตัวนี้ให้กับทุกคน แต่หากใครแพ้ลาโนลินควรจะต้องลอง sample ดูก่อนจะดีที่สุด
เนื้อหนาของบาล์มนั้นจะช่วยให้มันติดบนผิวปากดีขึ้น ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทาตัวนี้แล้วถึงติดทนได้หลายชั่วโมงจนถึงข้ามคืนโดยที่ไม่สูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน ทาแล้วมันจะไปสร้างชั้นฟิล์มใสบนผิวปากเพื่อล็อคความชุ่มชื้นไว้ข้างในไม่ให้สูญเสียออกสู่ภายนอก ผลที่ได้คือผิวปากที่นุ่มชุ่มชื้นตลอดเวลาที่ทาและหลังทาค่ะ
ทุกเฉดสียกเว้นสี Maple จะมีกลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้งผสมวานิลลา กลิ่นหวาน เบา ไม่แรงเกิน และหายไปเร็วหลังทา เนื้อมันจะหนึบ ๆ หน่อยตอนทาแรก ๆ แต่ว่าพอมันได้รับความร้อนจากปากมันก็จะละลายขึ้นนิดหน่อยและทำให้ทาลื่นขึ้นโดยที่ไม่มีไปดึงปาก มันจะทิ้งความเงาวาววับที่ทำให้ปากดูเนียนทิ้งไว้ด้วย ทาเดี่ยว ๆ ก็สวยหรือจะทาทับลิปสติกก็สวยค่ะ
หลอดบีบแบบใหม่นี้ต่างจากแบบเดิม แบบเดิมทำมาจากหลอดเนื้อโลหะ แต่ว่าแบบใหม่นี้รู้สึกเหมือนจะทำมาจากอลูมินัมเคลือบด้วยพลาสติก บีบง่ายกว่าเดิมมาก และไม่มีแตกกลางหลอดหรือเนื้อซึมไหลออกมาด้วย แต่อย่างไรก็ตามดู ๆ แล้วเจ้าพลาสติกสีเทาที่เคลือบบนหลอดแบบใหม่นี่ใช้ไป ๆ น่าจะแอบมีหลุดร่อนออกบ้างเหมือนกัน
เปรียบเทียบ 4 สี




Original




อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าเราได้เขียนรีวิวตัว Original นี้ไว้อย่างละเอียดแล้วที่หน้านี้ สีนี้ในหลอดจะเป็นเนื้อเหลือง ๆ ค่ะ แต่พอทาบนปากแล้วก็จะกลายเป็นใส ๆ ไป มันจะช่วยเน้นสีริมฝีปากให้เด่นขึ้นและทิ้งความเงาวาววับไว้บนปาก เราชอบใช้สีนี้ทาตอนนอนค่ะ พอตื่นมาทุกเช้าปากก็จะนุ่มนวลเนียนอย่างกับไหมเลย!
Champagne




สี Champagne เป็นสีที่สองที่ปล่อยออกมา เขาอธิบายมาว่าเป็นสี “champagne pearl” แต่จริง ๆ แล้วก็คือสีชมพูกุหลาบที่มีชิมเมอร์ละเอียดสีทองผสมอยู่ด้วยเยอะมากที่เวลาทาบนปากแล้วจะเห็นความเงาเป็นแบบเมทาลิคเหลือบ ๆ เนื้อของสีนี้จะหนากว่าสี Original หน่อยแต่ไม่มากเพราะว่ามันก็ยังทาปากได้ลื่นอยู่โดยไม่รู้สึกสากแต่อย่างใด เสียดายว่าบนปากสีเข้มของเรานั้นสีชมพูของมันทาแล้วมองแทบไม่เห็นเลยค่ะ แต่ว่าชิมเมอร์นี่เห็นชัดเจน! ถ้าสีชมพูเข้มกว่านี้หน่อยคงดี สีนี้จะทึบกว่าอีก 3 สีด้วย
Smashed




Smashed เป็นสีที่สามที่ปล่อยออกมาและเป็นสีโปรดสุดของเราค่ะ เราชอบทาสีนี้ตอนกลางวันเพราะมันเป็นสีแดงเชอร์รี่สว่างที่สวยน่ารักดี แบรนด์อธิบายมาว่าเป็นสี “universal red-wine tint” นะ สีนี้ต่างจากสี Champagne ตรงที่ไม่มีชิมเมอร์ ทาแล้วจะเป็นแดงบาง ๆ ใส ๆ ไปเลย ใจเราอยากจะให้แดงกว่านี้อีกนิด เพราะว่าเวลา swatch สีบนแขนนั้น สีแดงมันเข้มเด่นชัดมาก แต่พอทาบนปากแล้วก็กลายเป็นแค่สีแดงบาง ๆ เหมือนทิ้นท์ไป ทาให้เข้มขึ้นได้ค่ะ แต่เนื่องจากเนื้อบาล์มมันหนาเราก็เลยทาแค่ชั้นสองชั้นพอเพราะไม่งั้นจะหนาเกิน อย่างไรก็ตามสี Smashed นี้ก็ยังถือว่าเป็นสีที่สวยทาแล้วช่วยปรับให้หน้าดูสว่างขึ้นค่ะ
Maple




ส่วนสี Maple นี้ เราต้องขอบคุณเพื่อนบล็อกเกอร์เราชื่อ Liz ที่ส่งมาให้ค่ะ ส่งตรงมาจากประเทศแคนาดาเลย! :D เพราะว่าสี Maple นี้เป็นสี limited-edition ทำขึ้นมาขายภายในประเทศแคนาดาเท่านั้น ส่วนผสมใช้ Canadian Maple syrup จริง ๆ และกลิ่นก็เป็นกลิ่น Canadian Maple syrup จริง ๆ ค่ะ หอมอร่อยมาก! :) สีนี้จะเป็นสีน้ำตาลอุ่นที่มีความเงาออกบรอนซ์ มีชิมเมอร์ผสมด้วยเล็กน้อย ทาแล้วจะได้สีทิ้นท์ออกน้ำตาลใส ๆ ประมาณเดียวกันกับสี Smashed ปกติแล้วสีน้ำตาลนี่ไม่ใช่สีที่เราชอบทาบนปากค่ะ แต่เนื่องจากเราเป็น collector เนอะ เราก็เลยต้องหามาไว้ในครอบครอง! :)
สำหรับใครที่กำลังเริ่มใช้ตัวนี้ เราแนะนำให้ทาลงไปหนา ๆ เลยค่ะคืนแรกเพื่อกระหน่ำให้ความชุ่มชื้นแก่ปากแบบสูงสุด มันจะช่วยรักษาสภาพปากแห้งและแตกได้ดีข้ามคืนเลย ต่อจากนั้นให้ใช้ติดต่อกันเช้าและเย็น ทาเดี่ยวก็ได้ หรือจะทาใต้ลิปสติก หรือจะทาเป็นลิปกลอสก็ได้ เพื่อให้ปากคงความเป็นสุขภาพดีไว้ และตอนนี้ที่อากาศเริ่มจะเย็นแล้วนั้น ก็ไม่มีเวลาไหนดีไปกว่าตอนนี้แล้วที่จะหาตัวนี้มาลองใช้ดูเพื่อรักษาให้ปากอยู่ในสภาพดีเพื่อต่อสู้กับความแห้งเย็น หากให้แนะนำเราก็คงจะเริ่มจากสี Original ก่อน แต่หากใครที่ชอบลิปบาล์มแบบมีสีอ่อน ๆ ด้วยก็ลองสีใดสีหนึ่งใน 3 สีได้ตามใจชอบค่ะ และเพื่อความสบายใจ เราบอกเลยว่าทั้ง 4 สีนี้ทำงานได้ดีเสมอกัน ติดทนนานเหมือนกัน บำรุงปากดีเหมือนกันหมดค่ะ เลือกสีไหนมาก็ไม่ผิดหวัง รับรองว่าปากนุ่มชุ่มชื้นสุขภาพดีเหมือนกันหมดแน่นอน :)
มีขายในเมืองไทยไหมคะ
พี่เก๋รึเปล่าคะเนี่ยะ เท่าที่ทราบยังไม่มีขายในเมืองไทยค่า ต้องสั่งเอา :)