Burberry อธิบาย finish ของ Lip Velvet Long Wear Lipstick ตัวนี้ว่าเป็น “velvety matte radiance” เอิ่ม อันนี้เราก็ไม่รู้ว่าคุณจะคิดยังไงนะ แต่เวลาเราคิดถึง matte lipstick เนี่ยะ เราไม่เคยคิดถึง “radiance” เลย velvety น่ะโอเคได้ แต่ radiance? มันยากที่จะรวม 2 สิ่งนี้เข้าด้วยกันในลิปสติกเนื้อ matte นะเราว่า แต่พอได้ลองใช้ตัวนี้แล้ว เราต้องแบบยอมรับเลย ว่าถ้าให้เราอธิบาย finish มัน เราก็คงจะอธิบายอย่างที่ Burberry เขาบอกจริง ๆ!

รูปข้างบนนี้เป็น 2 สีที่เราซื้อมาตอนที่ตัวนี้เพิ่งปล่อยออกมาค่ะ สีซ้ายคือ 301 Pink Apricot และสีขวาคือ 302 Peony Rose รุ่นนี้จะมาใน packaging เนื้อ matte สี่เหลี่ยมสีเทาแบบ gunmetal แล้วก็มี tartan pattern ของ Burberry อยู่รอบ ๆ ฝา ตัวลิปสติกข้างในเองก็มีลายเดียวกันนี้เช่นกัน เราชอบดีไซน์ของ packaging นะ มันดูแมน ๆ ดี :D แต่ว่าที่สนุกกว่าคือฝามันปิดด้วยแม่เหล็กค่ะ แต่แม่เหล็กแรงมากจนแบบพอเราเอาทั้ง 2 อันมาตั้งเรียงกันเพื่อจะถ่ายรูปด้านล่างนี่ มันพยายามผลักกันออกค่ะ ตลกดี ที่เห็นในรูปนี่คือใกล้สุดแล้วที่จะทำได้เพื่อให้มัน line เป็นเส้นตรง :D
แต่ถึงแม้ว่า packaging จะดูดีและใช้สนุกแค่ไหน แต่ว่ามีอย่างนึงของตัวนี้ที่เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ค่ะ นั่นก็คือกลิ่น! มันกลิ่นแบบลิปสติกสมัยเก่า ๆ น่ะค่ะ กลิ่นประมาณนั้นเลย vintage/old school มาก กลิ่นแรงด้วย และกลิ่นก็ติดบนปากนานเหมือนกัน ถ้าใครสนใจตัวนี้เราแนะนำให้ไปลองดม ๆ ดูก่อนซื้อก็ดีค่ะ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่จมูกไวหรือแพ้กับเรื่องกลิ่น


Pink Apricot จะออกประมาณสี peachy nude ผสม coral นิด ๆ ส่วน Peony Rose จะเป็น rosy nude ผสมชมพู 2 สีนี้ดูใกล้กันมากนะ ถ้ามองไกล ๆ นี่แยกความแตกต่างไม่ออกเลย แต่ว่าสี Pink Apricot จะอ่อนกว่าค่ะ แล้วก็นู้ดกว่า Peony Rose เมื่อทาลงไปบนปาก ทั้ง 2 สีนี้เป็น full coverage lipstick ที่ทาลงไปแค่ชั้นเดียวก็ได้สีแน่นทึบเลย แล้วสีก็กระจายตัวดีทาแล้วไม่เป็นปื้น ๆ ค่ะ

เนื้อของมันถือว่า soft และ creamy มาก ทั้ง 2 สีไม่ไปเน้นพวกรอยแห้ง แต่ว่าอย่างนึงที่เราสังเกตเห็นคือ ถ้าทาเยอะเกิน หรือลงหนาเกิน หรือไม่ซับชั้นก่อนหน้าออกก่อนลงอีกชั้นทับ มันจะไปรวมตัวกันเป็นเส้น ๆ ตรงกลางปาก ระหว่างปากบนกับล่างน่ะค่ะ ซึ่งพอเห็นแล้วไม่สวยเลย
ส่วนความรู้สึกตอนทานี่ เหมือนอย่างชื่อบอกจริง ๆ ค่ะ velvety มาก ทาไปบนปากแล้วรู้สึกนุ่ม ไม่มีดึง ไม่มีสะดุด finish ตอนทาใหม่ ๆ จะมีความเงาเล็กน้อย เป็น luminous shine ที่สวย แต่ว่าพอผ่านไปซัก 2-3 ชม. มันก็จะแห้งขึ้นและกลายเป็น matte เต็มตัว ระหว่างนี้ก็พยายามระวัง ๆ เวลาทานอาหารหรือดื่มน้ำเพราะสีมันอาจจะ transfer ได้
เราว่าสูตรมันก็ไม่ได้ถือว่าให้ความชุ่มชื้นอะไรมาก แต่ว่ามันก็ชุ่มชื้นดีกว่าลิปสติก matte ตัวอื่น ๆ ที่เรามีนะ ปกติแล้วเวลานึกถึง matte เราก็จะนึกถึงความแห้ง ยิ่งถ้าทาไปนาน ๆ แต่ว่าตัวนี้ไม่เลยค่ะ รู้สึกสบาย เบาดีด้วยซ้ำ และตอนเราทาเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องทาลิปบาล์มทับแต่อย่างใด
ทั้ง 2 สีนี้ติดทนนานประมาณ 4-5 ชม. ได้เลยค่ะ จากนั้นก็จะค่อย ๆ จางลง แต่จางแบบทั่ว ๆ กันนะ ไม่เป็นจ้ำ ๆ รุ่นนี้ถ้าจะเติมระหว่างวันก็ง่ายค่ะ สามารถทาทับลงไปได้เลยโดยที่ไม่ต้องลบเอาชั้นก่อนหน้าออกก่อน


สรุป Lip Velvet ตัวนี้ก็ถือว่าเป็น my go-to matte lipstick นะ เราว่ามันเป็น matte ที่ดีมาก ๆ ถ้าคุณสามารถมองข้ามเรื่องกลิ่นได้ ตัวเราเองก็ไม่ได้อะไรมากกับกลิ่น คือได้กลิ่นแต่ว่าไม่ได้ไม่ชอบถึงกับไม่อยากใช้ แล้วกลิ่นมันก็ไม่ใช่แรงแบบ chemical อะไรแบบนั้น ถ้าเป็นพวกนั้นเราจะทนไม่ได้เลย นอกจากเรื่องกลิ่นแล้ว เราคิดข้อเสียอย่างอื่นของตัวนี้ไม่ออกจริง ๆ
แล้วคุณทาลิปสติกแบบ matte บ่อยมั้ย? อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคุณเมื่อต้องเลือกซื้อลิปสติก matte ซักแท่ง?
Best Online Store UK | The Best Online Shopping UK, Selling Everything From Kitchen Accessories & Home Appliances Order Online Store UK For The Fast Home Delivery.