เราทราบดีว่ามีประมาณกว่าครึ่งล้านรีวิวแล้วที่พูดถึงตัวนี้ วันนี้เราก็เลยจะเขียนรีวิวฉบับเราเองสั้น ๆ ค่ะ อืมม… ไม่เอาดีกว่า ทำไม่ได้หรอก ฮ่า ๆ คุณรู้อยู่แล้วว่าเวลาเราเขียนรีวิวเราเขียนละเอียด! :) แป้งตัวนี้ไม่ใช่แป้งใหม่อะไรหรอกค่ะ ออกมาตั้งแต่ปี 2013 แล้วถ้าจำไม่ผิด แต่เราเพิ่งได้ซื้อมาใช้ไม่นานมานี้ จริง ๆ ก็กะว่าข้าม ๆ รีวิวตัวนี้ไปก็ได้มั้งแต่มาคิดอีกทีแล้วมันไม่ได้อ้ะค่ะ รู้สึกไม่ดีนะถ้าซื้อแป้ง Chanel มาแล้วไม่มาแบ่งปันประสบการณ์การใช้เนี่ยะ ก็เลยจัดซะหน่อย! ;D

Chanel Les Beiges Healthy Glow Sheer Colour Broad Spectrum SPF 15 Sunscreen เขาบอกมาว่าเป็นแป้งสารพัดประโยชน์ ทำได้หลายอย่าง เป็นแป้งทาหน้าปกติ (loose/setting/finishing) ก็ได้ หรือจะใช้เป็นแป้งไฮไลท์ แป้งคอนทัวร์ บลัช หรือบรอนเซอร์ด้วยก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อสีอะไรมา เอิ่ม ในความคิดเราฟังดูแล้วจะทำได้เยอะไปมั้ยนะ ตอนเราซื้อตัวนี้เราแค่ต้องการมันเป็นแค่ finishing powder ใช้ขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งหน้าเพื่อเพิ่มความสว่างใสให้กับผิวค่ะ

ตัวแป้งมาในคอมแพ็คสี่เหลี่ยมสีเบจตัดดำและมีโลโก้ Chanel อยู่บนฝาด้านบน สีแปลกตาดีกว่าสีดำทั่วไปของแบรนด์ ข้างในมีกระจกขนาดเต็มฝามาให้ และก็มีแปรงรูปพระจันทร์ครึ่งซีกมาให้ด้วย ตัวแปรงแยกออกจากแป้งโดยแผ่นกั้นพลาสติกสีดำ ก็ถือว่าเป็นระบบที่โอเคกว่าการมีชั้นแยกออกมานะ เพราะอย่างน้อยตัวคอมแพ็คจะได้ไม่หนาเทอะทะ แต่ถึงเวลาใช้จริงที่ต้องยกออกก่อนใช้แต่ละครั้งก็วุ่นวายเสียเวลาอยู่เหมือนกัน
ตัวแปรงเองนั้นเป็นแปรงแบนและมีรูปโค้งเพื่อให้เข้ากับความโค้งกลมของถาดแป้งค่ะ นอกจากนี้เขาก็ออกแบบมาไว้ให้มันเป็น sculpting brush ไปในตัวด้วยเลยเพื่อให้รับกับส่วนโค้งเว้าบนใบหน้าเวลาที่คุณอยากใช้เป็นแปรงคอนทัวร์หรือลงบรอนเซอร์ ขนแปรงเป็นขนธรรมชาติที่นุ่มและโค้งไปตามผิวได้ดีมาก รู้สึกดีเวลาใช้บนผิว หน้าตาแปรงเองก็น่ารักน่าเอ็นดู แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ชอบใช้มันกับแป้งตัวนี้เอาซะเลยค่ะ คือมันไร้ประโยชน์มากเมื่อใช้ไปกับแป้งเพราะว่ามันแทบจะไม่สามารถหยิบเนื้อแป้งขึ้นมาได้เลย แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ซะหมดเพราะเรายังคงเก็บมันไว้ใช้กับแป้งทาหน้าตัวอื่นที่สีเข้มกว่าได้อยู่

และก็เช่นเดียวกันกับเครื่องสำอาง high-end ทั่วไป แป้งตัวนี้มาพร้อมกับถุงกำมะหยี่สีดำด้วยค่ะ น่าจะดีเนอะหากมาเป็นสีเบจเหมือนกันไปเลย :)

Active ingredients:
Octinoxate 7% และ Titanium Dioxide 8%
Noteworthy inactive ingredients:
Talc, shea butter, fragrance, cotton leaf cell extract, rosa alba leaf cell extract และ mica


พอเปิดฝาคอมแพ็คขึ้น สิ่งแรกที่คุณจะได้สัมผัสคือกลิ่นกุหลาบค่ะ! เราชอบมาก ๆ! มันไม่ใช่กลิ่นกุหลาบแก่ ๆ นะแต่เป็นกลิ่นแบบสดใส ๆ และสดชื่น แต่กลิ่นไม่ติดบนผิวหลังทา ดังนั้นใครที่ไม่ชอบเครื่องสำอางที่มีกลิ่นน้ำหอมก็ไม่น่าจะมีปัญหากับตัวนี้
เนื้อแป้งเองนั้นมีสัมผัสที่หรูหราเลอค่ามากค่ะ! มันนุ่มมากอย่างกับไหม เนื้อละเอียดยิบ แถมเกลี่ยไปบนผิวแสนจะง่ายอีกต่างหาก สีที่เราซื้อมาคือสี N°20 ซึ่งหากมองดูในคอมแพ็คแล้วก็ดูเหมือนจะมีพิกเม้นต์เข้มดีใช้ได้ แต่ว่าพอทาลงไปบนผิวจริง ๆ แล้วนั้นสีมันบางมาก ๆ ค่ะ! บางจริง ๆ! คือเกือบใสไปกับผิวเลย ระดับการปกปิดรวมถึงสีนั้นแทบจะมองไม่เห็นกันเลยทีเดียว หากใครจะซื้อแป้งตัวนี้เพื่อช่วยปกปิด ลืมไปได้เลยค่ะ อย่างเรานี่ผิวห่างไกลจากเพอร์เฟ็กต์มาก ดังนั้นเราก็เลยจะใช้แป้งตัวนี้สำหรับเซ็ทรองพื้นซะเป็นส่วนใหญ่
และอย่างที่บอกไปแล้วว่า แปรงที่ให้มานั้นหยิบแป้งขึ้นมาแทบไม่ติดเลย ดังนั้นเวลาใช้เราจะชอบใช้แปรงคาบูกิของเราเองมากกว่า จริง ๆ แล้วแปรงทาหน้าอะไรก็ใช้ได้แค่ขอให้ขนแปรงหนา ๆ แน่น ๆ หน่อยก็พอ เนื่องจากความที่เนื้อแป้งมันเบามากคุณเลยสามารถลงซ้ำลงทับได้เยอะโดยที่ไม่ทำให้ผิวดูเค้ก หนา หรือ powdery แต่อย่างใด แถมไม่ขาวสะท้อนแฟลชด้วยค่ะถึงจะมี SPF ก็ตาม (หลักฐานคือรูปหน้าเราด้านล่างค่ะ เราใช้แฟลชถ่ายรูป) คือทาแล้วเหมือนไม่รู้สึกว่าทาอะไรมาจริง ๆ เบาหายไปเลย


เนื้อแป้งทาปุ๊บผิวก็แม็ทปั๊บทันตาเห็น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ให้ความโกลว์แบบเบา ๆ เหมือนโกลว์มาจากข้างในแก่ผิวด้วย ทำให้ผิวโดยรวมดูสุขภาพดีและสดใสหลังทา ฟังดูเหมือนโม้นะแต่ว่าแป้งตัวนี้ทำได้อย่างนั้นจริง ๆ ค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ให้การปกปิดอะไรเลยก็ตาม แต่ทาแล้วผิวดูสุขภาพดีขึ้นจริง ๆ หากมองดูในคอมแพ็คแล้วอาจมองไม่เห็นพวกชิมเมอร์สะท้อนแสงแต่ว่าหลังทาแล้วลองมองผิวใกล้ ๆ ด้วยกระจกขยายคุณจะมองเห็นค่ะว่ามันมีชิมเมอร์เม็ดละเอียดมาก ๆ ระยิบระยับอยู่บนผิว
นอกจากทำให้ผิวแม็ทแล้ว เราพบว่ามันยังช่วยทำให้รูขุมขนแถวจมูกและแก้มของเราดูเลือนลางด้วย แต่มันจะไม่ช่วยลยรอยแดง จุดด่างดำ หรือปัญหาผิวอื่นแต่อย่างใด และก็ไม่ช่วยควบคุมความมันด้วย เพราะทาแล้วหน้าเราก็มันปกติเหมือนเดิมพอถึงช่วงพักกลางวัน ดังนั้นหากใครที่มีผิวผสมหรือมัน ควรใช้แป้งควบคู่ไปกับไพรเมอร์หรือรองพื้นที่ช่วยควบคุมความมันค่ะ และก็ควรมีฟิล์มซับมันติดตัวไว้ด้วยเผื่อไว้ ทีนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณทามาเยอะแค่ไหน แต่เราพบว่าความติดทนของแป้งถือว่าแค่ธรรมดาค่ะ ไม่ได้ดีมากอะไร คือเราสามารถทาแล้วปล่อยไว้ทั้งวันโดยไม่ต้องเติมก็ได้แต่พอตกเย็นหน้าจะไม่ดูสดใสสุขภาพดีเหมือนตอนทาตอนเช้า

และนี่ก็คือรูปที่เราทาแป้งด้านขวามือ สังเกตเห็นเลยว่าแป้งช่วยให้ผิวดูสว่างใสขึ้นแต่ว่าก็ยังดูเป็นธรรมชาติอยู่มาก คือทาแล้วมองไม่ออกจริง ๆ ว่าทาค่ะ! :)

โดยรวมแล้วแป้ง Chanel Les Beiges Healthy Glow Sheer Colour Broad Spectrum SPF 15 Sunscreen ตัวนี้ถือว่าทำงานได้ดีในเรื่องการปรับให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่หากคุณต้องการแป้งที่ปกปิดดีด้วยและให้สีด้วยนั้น ตัวนี้อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ สำหรับเราแล้วเราจะชอบใช้ตัวนี้กับวันสบาย ๆ ที่ไม่อยากแต่งหน้ามากแต่ยังอยากให้หน้าดูโกลว์ขึ้นนิดหน่อยและอยากให้ผิวได้รู้สึกเบาหายใจได้บ้างอะไรบ้าง (รวมถึงวันที่อยากจะให้ผิวดูเหมือนไม่ได้ทาอะไรมา แต่ไม่สามารถไม่ทาอะไรมาได้!) สารกันแดดที่ผสมมาให้ด้วยนั้นก็ดีสำหรับเวลาทาอยู่กับบ้านหรือในที่ร่มแต่หากวันไหนที่คุณต้องออกข้างนอกเราแนะนำให้ใช้ครีมกันแดดต่างหากที่มี SPF สูง ๆ หน่อยร่วมด้วยเสมอค่ะ :)