Chanel Lèvres Scintillantes Glossimer ถือเป็นลิปกลอสที่เราหยิบมาใช้บ่อยเหมือนกันนะ เพราะมันทาง่ายดีแล้วก็รู้สึกสบาย ไม่หนัก formula และ texture ถือว่าดีมาก ไม่แปลกใจเลยที่ชนะ InStyle's Best Beauty Buys for Lip Gloss ปีนี้


เราก็ค่อย ๆ เก็บสะสมมาเรื่อย ๆ นะ (อย่างช้า ๆ) ตอนนี้มีทั้งหมด 4 สี คือสี 03 Glaze, 04 Spark, 154 Liaison และ 165 Volupté เราจะพูดถึงแต่ละสีแยกกันในตอนล่างของรีวิว ส่วนตอนนี้มาพูดถึงเรื่องทั่วไปกันก่อนเช่นตัว packaging, formula, texture และความติดทน
Chanel glossimer มาในหลอดยาว ๆ ใส ๆ มองเห็นสีข้างใน มีฝาหมุนเปิดปิดสีดำและมีแถบสีทองอยู่ตรงกลางระหว่างตัวหลอดและฝา ด้านบนของฝามี interlocking C's สีทอง embossed อยู่ซึ่งก็ดูหรูดี Chanel มาก! ตัว applicator ก็เป็น doe-foot ธรรมดาทั่วไปของลิปกลอส ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก
แต่สิ่งที่พิเศษคือ formula ค่ะ! เราชอบ formula ของ Chanel glossimer มาก ๆ มัน smooth มาก ๆ ทาง่าย สีดูเรียบเนียนเสมอกันและที่สำคัญทาแล้วสบายปาก ไม่หนักเลย จนบางทีลืมว่าทาลิปกลอสมาเพราะมันไม่รู้สึกอะไรเลย เนื้อกลอสจะออกประมาณคล้าย ๆ gel น้ำหนักเบา และไม่เหนียวเหนอะหนอะ นอกจากนี้ก็ยังให้ความเงา glossy shine แก่ปากได้นานพอสมควรด้วย ประมาณ 2-3 ชม. หรือบางทีก็นานกว่านั้นขึ้นอยู่กับสี ตัวนี้ไม่ถึงกับว่าให้ความชุ่มชื้นอะไรมากนัก แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้ปากรู้สึกแห้งแต่อย่างใดเลย นอกจากนี้ก็เป็นกลอสที่ปราศจากกลิ่นน้ำหอมใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งก็ OK นะแต่ว่าสำหรับเราแล้วเราชอบ lip product ที่มีกลิ่นหอม ๆ หน่อยมากกว่า


Comparison swatches


03 Glaze
[permanent] Glaze จะออกสีประมาณชมพู medium ในหลอดแต่ว่าพอทาลงไปบนปากแล้วแทบจะกลายเป็นใส ๆ ไปเลย จะเห็นสีชมพูแค่นิด ๆ เบา ๆ สีนี้ไม่มี shimmer ผสมและถึงแม้เนื้อสีจะบางแต่ว่าพอทาลงไปแล้วให้ glossy shine ที่เงามาก บนปากเราเราแทบจะมองไม่เห็นสีชมพูเลย แต่ว่าถ้าใครปากสีอ่อน ๆ หน่อยอาจจะเห็นสีชมพูชัดขึ้น บอกตามตรงค่ะ สีนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก และเราก็คิดว่าน่าจะหาสีประมาณเดียวกันจากแบรนด์อื่นได้ที่ราคาไม่แพงเท่า :)


04 Spark
[permanent] Spark จะออกสีแดงแบบ cherry red ค่ะและมี shimmer สีทอง ๆ ผสมอยู่ สีนี้ถือเป็นสี warm, festive red ที่เข้ากันพอดีเลยกับช่วง holiday season ตัว pigment ถือว่าค่อนข้าง opaque เลย ทาชั้นเดียวก็ได้สีแน่นแล้ว และสีก็มองเห็นได้ชัดบนปากเรา ตัว sparkle สีทองที่ผสมอยู่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึก gritty (คือพอเวลาเม้มปากแล้วจะไม่รู้สึกว่ามี sparkle อยู่) หรืออะไรเลย แล้วมันก็ยังติดทนด้วยนะ ถึงแม้ว่าสีแดงจะเริ่มจางแล้วก็ตามตัว sparkle ก็ยังอยู่ สีนี้ถือว่าติดทนนานกว่าสีอื่นซึ่งก็เป็นไปตามความคาดหมายอยู่แล้วสำหรับสีที่เข้มกว่า


154 Liaison
[limited edition] ใจจริงก็ไม่ค่อยอยากจะรวมสีนี้ไว้ในรีวิวเท่าไหร่เพราะมันเป็นสี limited edition ที่ไม่มีขายแล้ว แต่เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ เราก็เลยเอามารวมไว้ :) สีนี้มันก็คือลิปกลอสใส ๆ ธรรมดา ๆ นี่เองที่มี shimmer ออกสีทอง ๆ และชมพูผสมอยู่ ซึ่งพอทาลงไปบนปากแล้วก็แทบจะไม่เห็น shimmer เลย ตัวนี้จะทาเดี่ยว ๆ ก็ได้แต่ว่าเราชอบทาทับลิปสติกมากกว่าเพื่อเพิ่ม oomph และเพิ่ม shine แต่สีนี้ติดไม่ค่อยทนค่ะ ซักแป๊บก็จางแล้ว ถ้าพูดกันตามตรงสีนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นสีที่ต้องมีเลย และก็ไม่ต้องเสียใจด้วยถ้าไม่ได้ซื้อไว้ เพราะมันไม่ได้เป็นสีพิเศษอะไรมากนัก ถือเป็นอีกสีหนึ่งที่สามารถหาได้จากที่อื่นที่สีคล้าย ๆ กันในราคาที่ถูกกว่า :)


165 Volupté
[permanent] ทีนี้มาพูดถึงสีโปรดของเรากัน สี Volupté! สีนี้ปล่อยออกมาเมื่อ Spring ปีที่แล้ว ข้อดีคือตัวนี้เป็น permanent ค่ะยังหาซื้อได้อยู่ :) สีจะออกประมาณ milky peach และไม่มี shimmer ถ้าดูสีจากหลอดแล้วจะออกส้มจี๊ดไปหน่อยแต่ว่าพอทาลงไปบนปากแล้วจะเป็นสีส้ม peachy อ่อน ๆ ที่สวยมากเลยเหมาะกับ everyday wear บนปากเราพอทาแล้วจะเห็นสีออกประมาณ coral เบา ๆ แต่เงามาก เราชอบทาสีนี้ทับลิปสติกสีนู้ด ๆ ค่ะเพื่อเพิ่ม glossy effect!


โดยรวมแล้ว Chanel glossimer จะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับสีนะเราว่า สีที่เข้ม ๆ หน่อยก็จะเห็นสีชัดกว่าและติดทนนานกว่า แต่ไม่ว่าจะสีเข้มหรือสีอ่อน อย่างนึงที่เหมือนกันคือเนื้อเบา ทาสบาย และก็ทิ้งความเงาบนปากได้แบบสุด ๆ ถ้าใครยังไม่เคยลอง Chanel glossimer มาก่อนแนะนำว่าให้เริ่มจากสีเข้มค่ะ ซึ่งถ้าเราจะซื้ออีกก็คงจะเป็นแต่สีเข้ม ๆ แล้วคราวนี้ แต่ว่าถ้าใครเป็น die-hard fan ของ Chanel และจะต้องมีครบทุกสี อันนี้ก็ไม่ว่ากัน go for it เลยค่ะ! :)