โอ้ว… ในที่สุดก็มีไพรเมอร์ปกปิดรูขุมขนจากแบรนด์ที่เราหลงรักออกมาในที่สุด! เราไปเจอตัวใหม่ล่าสุดของ Dior นี้ที่ร้าน Sephora แถวบ้านมาค่ะ เห็นแล้วก็แบบกระโดดดีใจเลย :D หยิบมาป้ายลงบนหลังมือทันที รู้สึกได้เลยว่าเนื้อมันเบาและนุ่มสุด ๆ แต่ว่าทาบนหน้าจริง ๆ แล้วจะดีรึเปล่านั้น ไปดูกันค่ะ! :)

ใหม่ล่าสุดและเป็นส่วนหนึ่งของ Spring 2014 collection คือไพรเมอร์ 2 ตัวจาก Dior ค่ะ คือ Dior Glow Maximizer Primer และ Diorskin Pore Minimizer เราซื้อตัว Pore Minimizer มาเพราะว่าเราบ้ามากกับพวกครีมปกปิดรูขุมขนเนี่ยะ เห็นเป็นไม่ได้ :D ตัวนี้มาในรูปหลอดสีขาวแบบปั๊มค่ะ สะอาดดี ง่าย ๆ ใช้สะดวก มีทำมาแค่ 1 สีเท่านั้นชื่อสีว่า universal shade ซึ่ง Dior บอกว่าเข้าได้กับทุกสีผิวค่ะ อ้อ ตัวนี้มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วย กลิ่นเบามาก ทาปุ๊บกลิ่นก็หายไปภายใน 2-3 วินาทีหลังทาค่ะ


ตัวนี้ถือเป็นหนึ่งในไพรเมอร์ที่น้ำหนักเบาที่สุดที่เราเคยใช้มาเลยนะ เนื้อมันออกจะประมาณเจ็ลนุ่ม ๆ เลย เบามาก เกลี่ยไปบนผิวได้แบบสบาย ๆ ไม่มีดึงหรือลากใด ๆ เลย ฟังดูดีเนอะ? แต่ว่าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงใช้ทาบนผิวเราไม่ค่อยจะดีเลย!
ตอนเราทาครั้งแรก เราก็บีบออกมาขนาดเท่าเมล็ดถั่วเล็ก ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ทาลงไปตรงบริเวณที่มีรูขุมขนกว้าง แค่เริ่มเกลี่ย ๆ เองเนื้อครีมมันก็จับตัวกันเป็นก้อนแล้วอ้ะ! แย่มากเลย มันเหมือนกับว่ามันไปจับตัวกับเนื้อครีม moisturizer (หรือว่าครีมกันแดดตัวใดตัวหนึ่งหรือทั้งสอง) แล้วก็รวมกันกลายเป็นก้อน ๆ ทำให้เกลี่ยไปแล้วเป็นปื้น ๆ แทนที่จะเนียน เราก็แบบอะไรเนี่ยะ แต่ว่ามันทำให้หน้า matte ได้แบบสนิทมากเลยนะ ถึงแบบสนิทเกินจนไปเน้นให้พวกรอยแห้งนี่เห็นชัดขึ้นมาเป็นแบบลอก ๆ เลย ผิวบนจมูกและข้าง ๆ จมูกที่เราทานี่ยิ่งหนักเลย แห้งลอกเป็นแถบ ๆ เห็นได้ชัด ตกใจมาก อีกอย่างคือ ดูเผิน ๆ มันก็เหมือนกับว่าเนื้อครีมมันจะพยายามไป “เติม” ให้รูขุมขนดูเต็ม ดูตื้นขึ้น แต่ว่าพิจารณาดูดี ๆ ใกล้ ๆ แล้วมันเหมือนแค่ลงไป “แช่/ขัง” อยู่ในรูขุมขนมากกว่า ประกอบกับสีที่อ่อนมากด้วย ออกประมาณเนื้อขาว ๆ กึ่งชมพูสว่างกว่าสีผิวเราอีก แล้วทีนี้พอมันลงไปขังอยู่แบบนี้มันก็เลยทำให้ผิวดูเหมือนเป็นจุด ๆ ขาว ๆ ทั่วไปหมดเลยค่ะ มองดูแล้วไม่ดีเลย
เราก็วิตกจริตซิ่ มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้! เราต้องทำอะไรผิดซักอย่าง!


ตื่นเช้าอีกวันลองใหม่ ทีนี้เราแบบเริ่มจากหน้าเปล่า ๆ เลย ไม่มีซีรั่ม ไม่มี moisturizer หรือครีมกันแดดใด ๆ ทั้งสิ้น เราเริ่มจากผิวที่แห้ง ๆ เลยนี่แหละ แล้วเราก็ใช้ปริมาณไพรเมอร์แบบเล็กน้อยสุด ๆ แค่นิดเดียวจริง ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เกลี่ยลงไปดู เราเกลี่ยให้มันเป็นชั้นบาง ๆ โดยนิ้วมือนี่แหละ และก็ค่อย ๆ เกลี่ยแบบมือเบาที่สุดเพราะไม่อยากให้เนื้อครีมมันจับตัวเป็นก้อน เออ ปรากฏว่าคราวนี้ work แฮะ! ไม่มีเป็นก้อน ๆ ไม่มีการไปเน้นรอยแห้ง แต่ว่าก็ยังคงมีเห็นเป็นจุดขาว ๆ อยู่บ้างเล็กน้อยแต่ว่าถ้าค่อย ๆ คอยเกลี่ยไป มันก็จะค่อย ๆ ตื้นขึ้นและหายไปค่ะ แล้วถ้าทารองพื้นตามเนี่ยะ ก็ไม่เห็นจุด ๆ แล้ว ดังนั้นเรื่องที่มันเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ ขาว ๆ เนี่ยะเราไม่ค่อยจะ mind เท่าไหร่เพราะรองพื้นมันจะไปกลบมิดอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือมันมีบางที่ที่การปกปิดของไพรเมอร์มันไม่มิดชิดพอแล้วเราต้องทาเติมเข้าไปอีก ทีนี้มันก็กลับมาเน้นรอยแห้ง (ที่เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าเรามี) ให้กลับเห็นชัดขึ้นมาอีก


คือโดยรวมแล้วเราคิดว่ามันก็เป็นไพรเมอร์ที่ดีอยู่ เมื่อใช้แต่น้อย และสภาพผิวนี่ต้องให้อยู่ในสภาพที่เหมาะกันพอดี สำหรับเราต้องใช้เวลากับมันเยอะมากกว่าตอนที่เราใช้ไพรเมอร์ตัวอื่น ใช้ตัวนี้แล้วแบบต้องอดทน ค่อย ๆ เกลี่ย ค่อย ๆ นวดเพื่อให้มันกลืนไปกับผิว มันเป็นไพรเมอร์ที่เพิ่งออกมาใหม่ด้วย และยังไม่ค่อยมีคนรีวิวมากนัก ส่วนรีวิว 2-3 อันที่เราอ่านเจอ เขาบอกว่าดีมากอย่างนู้นอย่างนี้ เราก็เลยแบบเริ่มไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเพราะว่าผิวเราเองรึเปล่า ที่แห้งมากช่วงหน้าหนาวนี้ มันก็เลยไม่พร้อมกับไพรเมอร์ที่ไปทำให้ผิว matte แบบสุด ๆ ของตัวนี้
ข้อดีของมันก็คือ มันทำให้หน้า matte แบบสนิทสุด ๆ จริง ๆ ค่ะ คนที่ผิวมันน่าจะชอบอยู่ แถมได้ finish ออกแป้ง ๆ ด้วย และถ้าเกลี่ยดี ๆ ให้เข้ากับผิวมันก็เห็นชัดเลยว่ารูขุมขนดูเล็กลง ผิวดูเนียนขึ้น ริ้วรอยดูเลือน คือมันก็ไปปรับผิวให้ดีขึ้นเพื่อให้พร้อมกับการลงรองพื้นตาม
แต่ว่าบนผิวเรามันไม่ได้ทำให้ผิว matte ไปทั้งวันหรอกนะ ก็ยังมีมันบ้างเล็กน้อยอยู่ดี แต่ว่าตัวนี้เขาบอกว่าใช้เติมระหว่างวันได้ ซึ่งก็ทำได้จริง ๆ แบบง่าย ๆ แค่ต้องระวังว่าลงทับแต่น้อย ๆ พอ
เปรียบเทียบกับ Benefit POREfessional
ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญ: มันทำงานต่างกับ Benefit POREfessional อย่างไร?
ถ้าถามถึงเรื่องเนื้อครีมเนี่ยะ เราพบว่าของ Dior เนื้อเบากว่ามาก ไม่หนักและไม่รู้สึกว่าเป็นเนื้อซิลิโคนแน่น ๆ เหมือนของ Benefit แถมเกลี่ยไปบนผิวก็ลื่นกว่า
แต่ของ Benefit จะเข้ากันได้ดีกับผิวเรามากกว่า เราไม่ต้องไปทำอะไรกับมันมาก ป้ายลงไปแล้วเกลี่ยได้เลย ผิวก็ไม่จำเป็นว่าต้องแห้ง จะลงตามหลัง moisturizer เลยก็ได้ ไม่มีการจับตัวเป็นก้อนและไม่ไปเน้นรอยแห้งด้วยไม่ว่าจะใช้มากน้อยแค่ไหนก็ตาม แถมมันยังเกลี่ยแล้วกลืนไปกับผิวเราได้ดีกว่าด้วยเพราะว่าเนื้อมันสีเหลืองกว่า เข้ากับผิวเราได้ดีกว่า
แต่ทั้ง 2 ตัวนี่สามารถทำให้หน้า matte ได้พอ ๆ กันเลยค่ะ ปกปิดรูขุขนได้ดีเท่ากัน ทำให้ผิวดูเนียนได้ดีเท่ากัน แต่ว่าเรื่องความติดทนเราพบว่าของ Benefit ดีกว่า เราทดลองทาของ Benefit ที่แก้มด้านหนึ่งและของ Dior อีกด้าน พอตอนกลางวันลองส่องกระจกดูข้าง Dior จะเห็นเลยว่าเริ่มมันละ แต่ข้าง Benefit ยัง matte อยู่เลย


สรุปแล้วเราว่าของ Dior ก็ถือว่าเป็นไพรเมอร์ที่ทำงานโอเคค่ะ ถึงแม้ว่ามันจะทำงานบนผิวเราได้ไม่ค่อยดีในตอนนี้ แต่เรามีความรู้สึกว่ามันจะต้องทำงานได้ดีกว่านี้แน่นอนช่วงหน้าร้อนตอนที่ผิวเราไม่แห้งมาก ถ้าใครยังสนใจอยากลองเราก็ยังแนะนำว่าให้ไปลองเล่นดูค่ะ ลองขอ sample กลับมาใช้ดูก่อนก่อนซื้อขนาดเต็มก็ได้ คือบางคนเขาก็บอกในรีวิวเขาแล้วว่ามันทำงานดีดังนั้นเราว่ามันก็มีโอกาสที่จะทำงานได้ดีบนผิวคุณได้เหมือนกัน ส่วนตัวเราเดี๋ยวจะลองหยิบมาใช้อีกทีช่วงหน้าร้อนค่ะ แล้วเดี๋ยวจะมาอัพเดทให้ฟังกันว่ามันจะทำงานดีขึ้นมั้ย
แล้วคุณลองตัวนี้หรือยังคะ? ได้ผลดีมั้ย? แล้วไพรเมอร์ปกปิดรูขุมขนที่คุณชอบคือตัวไหนเอ่ย?
Updated 08.31.15: จริงค่ะ! ไพรเมอร์ตัวนี้ทำงานได้ดีกว่ามากบนผิวช่วงซัมเมอร์ของเรา ไม่มีตกตามรูขุมขนตามหลุมบนใบหน้าหรือว่าไปเน้นพวกรอยแห้งเลย อ่านอัพเดทได้ที่หน้านี้ค่ะ :)
วันนี้เพิ่งซื้อตัวDiorมาค่ะ ตอนBAลงให้บนหน้าแล้วรู้สึกชอบ จริงๆก็ใช้ตัวPorefessionalของBenefitอยู่เหมือนกันค่ะ ซึ่งช่วยในเรื่องรูขุมขนมากจริงๆแต่ไม่รู้สึกว่าช่วยในเรื่องความมันของหน้าเท่าไหร่เลยอยากได้ตัวPrimerตัวใหม่ที่ช่วยทั้งเรื่องความมันแล้วก็รูขุมขน กลับมาเลยมาเสิชหาข้อมูลของตัวนี้ดู ดีใจที่เจอรีวิวของคุณจ๋า เดี๋ยวจะลองใช้แล้วมาแชร์ประสบการณ์นะคะ
เห็นด้วยว่า Benefit POREfessional ยังคุมมันไม่ดีนัก แต่ของ Dior ก็ไม่เข้ากับผิวเราอย่างแรง ฮ่า ๆ ใช้ดี ใช้ถูกยังไงมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วยนะคะ :)
ฺBA Dior เมืองไทยใจดี นิสัยน่ารักมั้ย? :D
เราซื้อที่central ปิ่นเกล้าค่ะ ที่นี่ BA แทบทุกแบรนด์ใจดีค่ะ เต็มใจขายอยู่ไม่เหมือนที่อื่นเท่าไหร่ ลองใช้ไปสองสามครั้งแล้ว รู้สึกว่าตอนลงต้องเบามือมากแล้วก็ต้องรีบจริงๆค่ะ เหมือนเวลาจะลงรองพื้นที่แห้งเร็วอะค่ะ จะแบ่งลงทีละส่วนของหน้าไม่แต้มๆไว้ก่อน ส่วนตัวรู้สึกว่าคุมมันพอสมควรอยู่นะคะ คือถ้าเทียบกับPorefessionalของBenefitแล้วค่อนข้างเห็นได้ชัดอยู่ เป็นคนหน้ามันมากค่ะ แต่งหน้ายังไม่ทันแต่งตาเสร็จหน้าก็มันอีกแล้ว
-“-
เออ เราจำได้ ตอนอยู่เมืองไทย อะไรหว่า เพิ่งทาแป้งไปเมื่อกี๊เอง ยังไม่ออกจากห้องเลย หน้ามันและ แต่พอเรามาอยู่นี่แล้วผิวแห้งขึ้นเยอะเลย ของ Dior มันก็เลยดูเหมือนจะแห้งไป แต่ถ้าอยู่เมืองไทย อากาศร้อน ๆ เราว่ามันต้องเข้ากับผิวเราได้ดีกว่านี้แน่ ๆ
ขอบคุณนะคะที่มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง :D ดีใจที่ได้ยินว่ายังมี BA ใจดีอยู่ ถ้าได้กลับไปเมืองไทยจะไปเซ็นทรัลปิ่นเกล้า!!