เราไม่เคยคิดที่จะใช้บรอนเซอร์แบบน้ำมาก่อนเลย ที่ผ่านมาเราคิดว่ามันน่าจะใช้ยาก ยุ่งยาก แล้วก็เละเทะ จนกระทั่งได้มาเจอ Giorgio Armani Maestro Liquid Summer ตัวนี้ค่ะ! พอได้ลองใช้แล้วมันเปลี่ยนความคิดเราเกี่ยวกับบรอนเซอร์แบบน้ำไปเลย ตอนนี้รู้สึกชอบมากถึงขนาดว่าไม่ค่อยอยากจะใช้แบบที่เป็นแป้งไปอีกซักพักเลยล่ะ :)
ก่อนอื่นต้องขอบคุณ Carolyn จาก theMakeupWriteup.com ก่อนเลยที่แนะนำตัวนี้กับเราค่ะ หากอยากอ่านรีวิวตัวนี้ของเธอ เข้าไปอ่านได้ที่หน้านี้ เธอเขียนรีวิวไว้ละเอียดยิบมาก!

อย่างแรกเรื่อง packaging กันก่อนเลยดีกว่า อยากจะบอกว่าตัวนี้ต้องระวังอย่างมากนะคะเวลาเปิดฝาขวดออกมาครั้งแรก เพราะว่ามันอัดมาซะแน่นเต็มขวดแก้วเลย แล้วถ้าไม่ระวังอาจจะมีกระเด็นเลอะเทอะได้ ส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบ packaging แบบนี้เท่าไหร่ เราคิดว่ามันไม่ค่อยสะอาดนะแล้วก็ใช้ยาก พกพาก็ไม่สะดวก เจ้าแท่ง dropper ที่ใช้หยดเนี่ยะมันก็ดีอยู่ เพราะจะช่วยให้กะปริมาณการใช้ง่าย แต่ว่าถ้าทำออกมาเป็นขวดปั๊มแทนมันก็กะได้ง่ายเหมือนกัน ก็ขอแอบบ่นเล็กน้อยตามประสาคนบ้าเรื่อง packaging ค่ะ ;D

Liquid Summer (ชอบชื่อเนอะ เข้ากับฤดูพอดีเชียว!) เป็นบรอนเซอร์แบบน้ำที่เนื้อเข้มข้นมาก สีออกประมาณน้ำตาลอุ่น ความเข้มปานกลาง และมี shimmer สีทองปนอยู่ด้วยเยอะมาก แต่ shimmer ของอันนี้ดีตรงที่ว่ามันไม่ไปเน้นพวก imperfections แต่อย่างใด มันกลับไปช่วยให้ผิวดูมีโกลว์เบา ๆ ดูสุขภาพดี ดูเหมือนกับว่าผิวมี sun-kissed glow ค่ะ ตามความรู้สึกเราเราว่าเนื้อมันค่อนข้างออกไปทางน้ำมัน ๆ มากกว่าน้ำนะ ทำให้เวลาทาบนผิวทาง่าย ไม่ไหลเละเทะ ดูในขวดอาจจะเหมือนว่าสีเข้มมากแต่ว่ามันเกลี่ยให้บางออกได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ ครั้งแรกตอนที่เราใช้เรากังวลมากว่าสีจะเข้มเกิน เราก็เลยใช้แค่แตะ ๆ เอง ไม่ถึงกับหยดหนึ่งหยดเลยด้วยซ้ำ ผลปรากฏว่ามันจางออกมากจนไม่เห็นอะไรเลย! ดังนั้นแนะนำว่าให้หยดซัก 2 หยดเป็นปริมาณเริ่มต้นเพื่อให้พอเห็นความแตกต่างค่ะ


ส่วนวิธีการใช้ liquid gold ตัวนี้ก็มีหลายวิธีค่ะ อาทิเช่น:
- ผสมกับ moisturizer ไปเลยซัก 2-3 หยดเพื่อให้ผิวดูมีโกลว์สุขภาพดี เพิ่มปริมาณได้ตามต้องการหากอยากได้ effect ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก!
- ผสมกับรองพื้นที่ใช้อยู่เพื่อให้สีรองพื้นเข้มขึ้นและเพื่อเพิ่มความสว่างให้แก่ผิว ให้ผิวดูมีประกาย เราใช้วิธีนี้มาทุกวันเลยค่ะตั้งแต่ซื้อตัวนี้มา เพราะตอนนี้รองพื้นเราเริ่มจะขาวเกินกว่าผิว summer tan ของเรา ได้ตัวนี้มาช่วยก็ทำให้สีรองพื้นเข้ากับผิวได้ดีขึ้นค่ะ
- ทาลงไปตรง ๆ บนผิวเปล่า ๆ เลย หรือทับรองพื้นตรงบริเวณที่สูงขึ้นมาของหน้า (คือบริเวณที่ปกติแสงแดดตกลงมากระทบน่ะค่ะ) หรืออาจจะลงรอบ ๆ กรอบหน้าเพื่อให้หน้าดูเล็กลง หรือมีโครงชัดขึ้น และเพื่อทำให้ผิวดูอุ่นขึ้น
สำหรับการลงทั่วหน้านั้น ใช้มือลงเลยก็สะดวกดีค่ะ ส่วนการลงเป็นบริเวณเฉพาะบนใบหน้า ใช้พวกแปรงปัดแก้มหรือ stippling brush ก็จะเหมาะค่ะ :)

Liquid Summer นี้จะให้ finish ที่ดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ ลูบ ๆ ดูความรู้สึกจะออกประมาณเนื้อซาตินนะ ติดทนดีด้วย ทาแล้วรู้สึกสบายทั้งวัน แถมไม่ทำให้หน้ามันขึ้นแต่อย่างใด นอกจากนี้คุณสมบัติมันก็เกลี่ยง่ายมาก ๆ ยิ่งเกลี่ย สีก็จะยิ่งจางลง เราชอบตรงที่ถึงแม้ว่าสีจะเข้มมากตอนเริ่มต้นแต่คุณสามารถเกลี่ยมันออกไปได้เยอะถึงขนาดที่ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทาเยอะเกิน หลังจากทาแล้วมันก็ยังไม่เซ็ทตัวทันทีเลยด้วยนะ คุณยังพอมีเวลาเล็งดูว่าจะเติมอีกมั้ย หรือจะเกลี่ยออกอีก มีเวลาถมเถือในการตัดสินใจก่อนที่มันจะแห้งและเซ็ทตัวค่ะ
นอกจากนี้มันก็ยังมีส่วนผสมของสารกันแดดมาให้ด้วย แต่ไม่แนะนำให้พึ่งตัวนี้ตัวเดียวค่ะ แนะนำว่าให้ลงครีมกันแดดตามปกติเป็นประจำไว้ด้านล่างก่อนเสมอ :)
ข้อสุดท้ายที่อยากฝากไว้คือเรื่องของตัวเลือกสีค่ะ ตัวนี้มีทำมาแค่สีเดียว ณ ตอนนี้! โชคดีที่มันทาแล้วเห็นบนผิวเรา แต่ถ้าใครผิวเข้มกว่าเราอันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าจะเห็นมั้ย ก็หวังว่าแบรนด์จะผลิตสีอื่นออกมาอีกในอนาคต! :)


Liquid Summer เป็น limited edition นะคะ ราคาก็ไม่เบาเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าจะแพงแต่ก็ได้ผลิตภัณฑ์มาเยอะมากในขวด ขนาดใช้ทุกวัน หรือใช้บ่อย ๆ เราว่าใช้ไปทั้งชีวิตก็ไม่หมดหรอกค่ะ (OK เว่อร์ไปนิด อาจหมด แต่ว่าก็คงนาน) ตอนนี้เรากำลังคิดว่าจะแบ่ง ๆ ใส่กระปุกเล็ก ๆ ไปแจกเพื่อน ๆ บ้าง เพราะเราไม่แน่ใจว่าเราจะใช้มันหมดก่อนที่มันจะหมดอายุรึเปล่า อย่างน้อยก็ได้แบ่งปันความสวยให้กับเพื่อนบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีเนอะ :D
แล้วคุณซื้อ Liquid Summer รึยัง? หรือว่ามีบรอนเซอร์แบบเหลวแบบนี้จากแบรนด์อื่นอยู่แล้วที่ชอบ? เล่าประสบการณ์การใช้ให้ฟังได้นะคะ :)