โอ้ว ดีใจมากที่พยายามหักห้ามใจไม่ซื้อ Ambient Lighting Powder ตลับเดี่ยว ๆ มาโดยตลอด เพราะ Hourglass เพิ่งปล่อย Ambient Lighting Palette ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราก็จัดเลยสิคะ ซื้อทันทีเลยที่เห็นออนไลน์บนเว็บ Sephora ไม่มีคิดหน้าคิดหลังอะไรอีกแล้ว ตัวพาเล็ทมาถึงบ้านอีก 2 วันถัดมาเราก็แบบใช้ตั้งแต่นั้นมาทุกวันเลย แต่ก่อนก็ลังเลใจและก็ไม่ค่อยจะเห็นว่ามันจะน่าใช้อะไรซักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้พอได้ลองใช้จริง ๆ แล้วกลับกลายเป็นหลงรักซะหมดใจ!
เตือนกันไว้ก่อนเลย ว่ารีวิวนี้รูปจะเยอะพอสมควร ก็รู้ ๆ กันอยู่เราชอบถ่ายรูป :) ดังนั้นขอให้รอให้ page โหลดให้เสร็จก่อนนะคะ เพื่อจะได้เห็นทุกรูปทุกมุม :)


Hourglass Ambient Lighting Palette นี้เป็น limited edition สำหรับ Holiday collection ค่ะ ตัวพาเล็ทจะดู sleek แข็งแรง มาในสไตล์สี packaging ของ Hourglass เขาแหละค่ะ สี metallic dark brown แล้วก็มีชื่อแบรนด์เป็นสีทอง ตัวพาเล็ทขนาดเล็ก ๆ ยาว ๆ และหนานิดนึง แต่ว่าน้ำหนักเบามาก พกพาสะดวก ข้างในมีกระจกให้ ขนาดเท่ากับฝาด้านบน ไม่มีแปรงมาให้แต่มี Veil Mineral Primer แถมมาให้ด้วย



พาเล็ทนี้มี Ambient Lighting Powders มาให้ 3 สีค่ะ:
- Dim Light – light peachy beige
- Incandescent Light – pearlescent light pink
- Radiant Light – warm golden beige
Dim Light กับ Radiant Light เป็น permanent shades ส่วน Incandescent Light เป็นสีใหม่และก็เป็น limited edition และมีเฉพาะในพาเล็ทนี้เท่านั้น

ถ้าใครไม่เคยลองใช้ Ambient Lighting Powders มาก่อนและไม่รู้ว่ามันทำงานยังไงกันแน่ มา เราสรุปให้ค่ะ คือจริง ๆ แล้ว มันก็คือแป้งทาหน้านี่แหละ (soft-focus finishing pressed powder) ที่สามารถใช้ลงได้ทั่วทั้งหน้าหรือจะใช้ทาแค่เป็นบางส่วนของหน้าก็ได้ แต่ละสีก็จะทำหน้าที่เหมือนเป็น light source ที่แตกต่างกันที่พอเวลาทาลงบนหน้าแล้วก็ให้ผลที่แตกต่างกันไป concept ดีนะ มันคล้าย ๆ กับว่ามี light source เฉพาะสำหรับไว้ใช้ติดตัวไปกับคุณทุกที่ อธิบายไทยเป็นไทยอีกทีก็คือ:
Dim Light
จะช่วยทำให้ small imperfections บนใบหน้าดูจางลง ดูเบลอ ๆ และยังทำให้หน้าโดยรวมดูเปล่งปลั่งมีประกาย เราชอบลงตัวนี้ทั่ว ๆ หน้าเพื่อให้ผิวดูนวลเป็น airbrushed effect และก็ลงรอบ ๆ ดวงตาด้วยเพื่อทำให้พวกริ้วรอยดูบางลง รวม ๆ สีนี้ก็คือประมาณใช้ลบเลือนพวก wrinkles และรูขุมขนต่าง ๆ ให้เห็นน้อยลงค่ะ
Incandescent Light
(เราชอบสีนี้มากที่สุดในทั้งหมด 3 สี!) ตัวนี้จะเป็นเหมือน highlighter และจะช่วยให้ผิวดู glow สุด ๆ สีนี้เขาดีไซน์มาเพื่อให้ไว้ใช้สำหรับ office settings ที่ใช้หลอดไฟแบบ fluorescent น่ะค่ะ เขาแนะนำให้ไว้ใช้สำหรับ highlight โหนกแก้ม แต่ว่าเราลองดูแล้วพบว่าสามารถใช้ทั่วหน้าเลยได้เหมือนกัน สีมันจะดู shimmery นิดนึง แต่ว่าพอทาลงไปแล้วไม่ทำให้หน้าดูมันหรือทำให้รูขุมขนเห็นชัดขึ้นหรืออะไรเลยนะ ไม่ว่าจะลงหนักแค่ไหนก็ตาม ตัวนี้เป็นสีที่เจิดมาก!
Radiant Light
จะเพิ่ม warmth ให้กับผิวค่ะ ทำให้ผิวดูเหมือนเพิ่งอาบแดดมา (แบบเบา ๆ นะ ไม่ใช่แดดไหม้นะคะ) แทน ๆ เบา ๆ คล้าย ๆ กับผิว glow ช่วง summer :) สีนี้จะออกไปทางทอง ๆ นิดนึง ดังนั้นเราจะใช้เป็นคล้าย ๆ กับบรอนเซอร์เพื่อเพิ่มสีให้กับใบหน้า สีนี้มองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่เพราะมันใกล้กับสีผิวเรามาก (NC30) แต่ว่าก็ยังมองเห็นความแตกต่างนะคะ ยังรู้ว่ามีอะไรอยู่บนหน้า แค่ very subtle เท่านั้นเอง
นอกจากนี้ก็สามารถ mix and match แต่ละสีเข้าด้วยกันด้วยก็ได้ เพื่อเพิ่มสีใหม่ขึ้นไปอีก ปกติเราจะลง Incandescent Light ให้ทั่ว ๆ หน้า ให้หน้าดู glow จากนั้นเราจะตามด้วย Dim Light รอบ ๆ ดวงตาเพื่อให้ริ้วรอยดูจางลง และตบท้ายด้วย Radiant Light ตรงใต้โหนกแก้มที่ปกติลงบรอนเซอร์น่ะค่ะ เพื่อ contour หน้าเบา ๆ




แป้งตัวนี้มันนุ่มมาก ๆ จริง ๆ เลยนะคะ แล้วผงก็ละเอียดมาก ทาลงไปแล้วรู้สึกเหมือน silk เลย เราพบว่าวิธีที่ดีที่สุดในการลงคือใช้แปรง MAC 187 (stippling brush) หรือ fan brush ลงเยอะ ๆ เลยก็ได้ค่ะตัวนี้ไม่มีวอกหรือคล้ำแน่นอน ส่วนปัญหาอย่างนึงที่เรามีกับพาเล็ทนี้คือ เนื่องจากว่า pan ของแต่ละสีมันติดกันเลยน่ะค่ะ ทีนี้เวลาเอาแปรงลงไปวน ๆ สีใดสีหนึ่ง แป้งมันก็จะฟุ้งแล้วก็ลอยไปหล่นใน pan ข้าง ๆ มันก็ไม่ได้เป็นข้อเสียร้ายแรงอะไรหรอกนะ แต่มัน bother เรานิดหน่อย วิธีแก้ของเราคือพอใช้เสร็จก็คว่ำพาเล็ทเอาหน้าลง แล้วก็เคาะ ๆ ไอ้ส่วนที่มันเป็นผง ๆ ที่เกินออกไปออก แค่นี้เอง จบ กลับมารักกันต่อ :)
คุณสามารถลงแป้งตัวนี้ทันทีหลังลงรองพื้นได้เลย แต่ส่วนตัวเราเราจะชอบลงแป้งตัวอื่นของเราก่อน ซึ่งเป็นตัวควบคุมความมัน จากนั้นถึงค่อยตามด้วย Ambient Lighting Powder ซึ่งมันจะเพิ่ม glow กลับคืนให้กับใบหน้า นอกจากนี้ก็สามารถใช้ลงทับ blush on ได้ด้วยเพื่อให้สี blush on ดูเนียนขึ้นเบาขึ้น สรุปคือสามารถใช้ได้หลายอย่างค่ะ the possibilities are endless! แล้วมันก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ตอนนี้เราหยิบมาใช้ทุกวันเลยเป็น part of my makeup routine ไปแล้ว



Dim Light


Incandescent Light


Radiant Light


อีกเรื่องนึงที่อยากฝากบอกกันไว้คือ เรื่องของปริมาณแป้งที่ได้รับในพาเล็ทนี้ ปกติเวลาซื้อตัวขนาดเต็มเดี่ยว ๆ จะขายอยู่ที่ $45 และได้ 0.35 oz / 9.92 g ส่วนพาเล็ทนี้แป้งแต่ละสีจะมาในขนาด 0.116 oz / 3.28 g (ดังนั้นรวม x3 คือ 0.348 oz / 9.84 g) และขายที่ราคา $58 สรุปคือได้แป้งน้อยลง ~ 0.002 oz / 0.08 g แต่ว่าจ่ายเพิ่มขึ้น $13 ดูเหมือนเยอะนะ แต่ว่าต้องคิดนิดนึงว่า ในพาเล็ทนี้คุณได้ลองถึง 3 สีเลยนะ แล้วก็มี Veil Mineral Primer แถมมาให้ด้วย เราว่าก็ถือว่าเป็น deal ที่โอเคเลยนะ อีกอย่างก็ได้ลองแป้งแต่ละสีด้วยว่าทำงานแตกต่างกันยังไง แป้งขนาดเต็มเราไม่ค่อยกล้าจะซื้อเพราะแพงเหลือเกินแล้วก็ได้ใช้แค่สีเดียวนั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ได้ซื้อ แต่พอเห็นพาเล็ทตัวนี้แล้วไม่ต้องมีคิดกันอีกเลย ซื้อทันที ตอนนี้ก็แค่หวังว่า Hourglass จะออกพาเล็ทแบบนี้แต่สีอื่นมาอีกในอนาคต :)
ถ้าใครยังไม่เคยใช้ Hourglass Ambient Lighting Powders มาก่อน ตอนนี้เป็นโอกาสอันดีแล้วค่ะ ซื้อไว้ใช้เองหรือจะซื้อเป็นของขวัญให้คนอื่นสำหรับช่วง Holiday ที่กำลังจะมาถึงก็ได้ด้วย แต่ว่าต้องรีบตัดสินใจซื้อนะคะ เพราะเราคิดว่ามันจะต้องหมดสต๊อกเร็วแน่นอน เพราะ sale 20% off ของ Sephora ก็กำลังจะเริ่มปลาย ๆ เดือนนี้แล้วด้วยค่ะ คนจะต้องแห่กันซื้อแน่นอน
Great photos! Too bad I don’t know Thai but I’m sure the review is as detailed as the photos. :)
Hi! Actually if you look under the title of the page you will see a link to switch the language to English! :)
Thanks for stopping by and leaving the comment! :D
ตอนนี้สนใจตัวเดี่ยวอยู่อ่ะค่ะ เพราะอยากได้สี diffused light เเต่มาเห็นรีวิวนี้เลยทำให้ลังเลเลยอ่าาาา แต่กลัวว่าจะไม่ได้ใช้คุ้มเพราะเป็นคนหน้ามันไม่ชอบไฮไลน์ สี dim light ก้เห็นว่าเป็นโทนเบสชมพูเลยกลัวไม่เข้ากับหน้า พูกง่ายๆว่าตอนนี้เทใจให้ diffused นั่นเเหละค่ะ แง เลือกไม่ถูก อยากได้หมดเลยนิ
555 ถ้ามั่นใจกับสี diffused light แล้วก็ตัดใจซื้อเลยค่ะ! :)