เมื่อเดือนที่แล้วบริษัท Jewlzie ติดต่อเรามาให้ลองเข้าไปเลือกอะไรก็ได้จากเว็บเขามารีวิว มันเป็นงานช้างมากค่ะ! เพราะว่าในเว็บนี่แค่หมวดหมู่เครื่องสำอางอย่างเดียวก็มีสินค้าให้เลือกหลายพันชิ้นแล้ว! เราเลือกอยู่นานเป็นหลายชั่วโมงเลยสุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกเอาแบรนด์ที่เรายังไม่เคยลองอะไรมาก่อนเลย นั่นก็คือ Kevyn Aucoin แล้วเราเลือกตัว The Creamy Glow มาเพราะว่าอยากได้อะไรที่โกลว์ ๆ มาช่วยให้ผิวช่วงหน้าหนาวดูสดใสขึ้นหน่อย ใช้ตัวนี้แล้วชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลยมั้ย? โอ้ว แน่นอนค่ะ! ชอบมากจนถึงกับใช้แต่ตัวนี้ตัวเดียวตั้งแต่ได้มาเลย :)
เกี่ยวกับ Jewlzie
Jewlzie เป็นร้านขายของออนไลน์ที่ขายของเกี่ยวกับความงามหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น haircare, skincare และน้ำหอมสำหรับท่านชายและหญิง บริษัทมี headquarters อยู่ที่นิวยอร์คซิตี้และเขาส่งฟรีทั่วโลกค่ะ (ยกเว้นประเทศฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, โมนาโค และ ตุรกี) เว็บรับทั้งบัตรเครดิตและ PayPal เราพบว่าราคาของในเว็บจะแพงกว่าราคาทั่วไปตามเว็บอื่นนิดหน่อยแต่ว่าเว็บเขามีหลายอย่างจากหลายแบรนด์ให้เลือกมากแถมเขาส่งทั่วโลกฟรีอีกต่าง เราว่าจ่ายแพงกว่านิดหน่อยก็โอเค โดยเฉพาะถ้าคุณเลือกซื้อจากหลาย ๆ แบรนด์เลยในครั้งเดียว ถ้าใครสนใจอยากซื้อสินค้า หรือมีคำถาม หรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถเข้าไปดูที่เว็บเขาโดยตรงได้เลยที่ Jewlzie.com ค่ะ
ทีนี้มาเข้าเรื่องรีวิวของเราวันนี้กันต่อ นั่นก็คือ Kevyn Aucoin The Creamy Glow! :)


The Creamy Glow ตอนนี้มาในคอมแพ็คสี่เหลี่ยมแล้ว ด้านล่างมีบาร์สีทองซีดไว้เป็นที่กดเปิดฝาคอมแพ็ค (packaging แบบเก่ารู้สึกจะมาเป็นคอมแพ็คกลม) พื้นผิวคอมแพ็คจะเป็นสี gradient ระยิบระยับสวยงามจากสีแดงไปหาน้ำตาล และก็มีโลโก้ของแบรนด์สีทองปั๊มอยู่ด้วย ข้างในมีกระจกมาให้และก็มีแผ่นพลาสติกครอบเนื้อบลัชไว้ด้วย
เราเลือกสี Isadore มา ซึ่งเป็นสีชมพูสว่างสดใสมาก เรารู้ ๆ ว่าสีชมพูอีกละ! คือเราไม่รู้ว่าเนื้อมันจะเป็นยังไงน่ะค่ะ เราก็เลยเลือกเอาสีที่เราคิดว่าน่าจะได้ใช้บ่อยสุดและเป็นสีปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ถึงแม้ว่า Isadore จะดูสว่างน่ากลัวมากในตลับแต่ว่ามันก็สามารถลงเบา ๆ ให้เป็นสีบาง ๆ ได้ง่าย เนื้อตัวนี้ไม่มีกลิ่นและทาแล้วได้แก้มสีชมพูกำลังสวยรวมถึงความโกลว์ที่แบบอย่างกะโกลว์มาจากภายในกันเลยทีเดียว ทาแล้วหน้าตาดูสว่างสดใสขึ้นทันทีเลย แถมความโกลว์นี่ก็โกลว์แบบสวยดูเป็นธรรมชาติดีด้วย ไม่มีพวกเม็ดชิมเมอร์หรือกลิตเตอร์อะไรผสม

เนื้อของมันน้ำหนักเบามาก นุ่มอย่างกับครีม และสีก็แน่นชัดเจน ตอนเราทาเราแค่แตะ ๆ 3 จุดเบา ๆ บนแก้มแต่ละข้างเอง ก็ได้สีเยอะมากพอแล้ว สีนี้จะ stain ผิวเบา ๆ ด้วย เราชอบที่มันไม่เซ็ทตัวเร็วเกินไป มันให้เวลาเราเกลี่ยและ build สีให้เข้มขึ้นหรือเกลี่ยให้อ่อนลงได้ตามต้องการ จะเกลี่ยโดยใช้นิ้วมือก็ได้แต่เราจะชอบใช้แปรง stippling blush เกลี่ยมากกว่าเพราะมันจะให้สีที่เบากว่าและซอฟท์กว่า


The Creamy Glow ตัวนี้ทาแล้วจะให้ finish แบบฉ่ำ ๆ นิด ๆ บนผิวที่ไม่เหนียวไม่มัน มันเพิ่มความกระจ่างใสให้กับใบหน้าโดยที่ไม่ไปเน้นรูขุมขนหรือ texture ผิว เม็ดสีติดทนดีทั้งวันบนผิวผสมเรา เราลองลงตัวนี้หลายวิธีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบนผิวเปล่า ๆ ทับรองพื้น หรือ ทับแป้งฝุ่น เราก็ไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างกันมากนะ แต่เราจะทับด้วยแป้งฝุ่นอีกทีเสมอเพื่อเซ็ทให้สีมันอยู่กับที่และดูสดใสติดทนทั้งวัน

รูปข้างล่างนี้เราทา Isadore บนแก้มเราค่ะ หวังว่าคุณคงจะสามารถมองเห็นความโกลว์เบา ๆ บนแก้มเรานะ! เราไม่ได้ใช้ไฮไลท์เตอร์ คอร์เร็คเตอร์ หรือคอนซีลเลอร์อื่นใดลงเพิ่มเติมใต้ตาหรือเหนือแก้มแต่อย่างใด เราแค่ลง Isadore นี้อย่างเดียวเลยทับรองพื้นแล้วก็เซ็ทด้วยแป้งฝุ่นเบา ๆ เราคิดว่าสีมันดูสดใสดีเหมือนกันนะแล้วก็ดูเข้ากับผิวเราดี ชอบมาก! :)

สรุปแล้วเราประทับใจกับ performance ของ Isadore และ The Creamy Glow formula มากค่ะ นี่เป็นตัวแรกที่ลอง ชอบมากจนตอนนี้กำลังมองหาแล้วว่าจะซื้ออะไรจากแบรนด์ต่ออีก :) ถ้าใครไม่ชอบสีชมพู รุ่นนี้เขาก็มีสีส้ม แดง รวมไปถึง fuchsia ให้เลือกด้วยค่ะ เนื้อดีเบาสบายแถมติดทนดีด้วยอย่างนี้ เราว่าเราต้องได้มีซื้ออีกสีสองสีในเร็ววันนี้แน่นอน :)
แล้วคุณเปลี่ยนมาใช้บลัชเนื้อครีมบ้างรึเปล่าตอนช่วงหน้าหนาว? ปกติแล้วคุณชอบ finish บลัชแบบไหน?
Purchase
Disclosure: The Kevyn Aucoin Isadore The Creamy Glow was provided by Jewlzie. I am not affiliated with the company or paid to write the review. All opinions are honest and my own.