พูดไปก็ถือว่าเราโชคดีเหมือนกันนะที่เราไม่ใช่คนบ้าเครื่องสำอาง MAC ถึงขนาดต้องซื้อทุกอย่างที่แบรนด์ปล่อยออกมา ก็คิดดูสิ ถ้าต้องซื้อทุกอย่างจากทุกคอลเคลชั่นจริง ๆ ปีนึงนี่จะหมดเงินเท่าไหร่! :D ถึงกระนั้นก็ตาม เราก็มีตามซื้อบ้างเป็นบางตัว อย่างเช่นเวลาที่เห็นสีอะไรแแปลกใหม่หรือสีที่เราพลาดซื้อไม่ทันจากคอลเลคชั่นก่อน ๆ อย่างเช่น Azalea Blossom Blush Ombre ที่เราจะรีวิวในวันนี้ เราพลาดตอนที่มันปล่อยออกมากับคอลเลคชั่นก่อน ครั้งนี้ก็เลยมุ่งมั่นว่าจะคว้ามาให้ได้ ถือว่าเป็นบลัชสี ombre ที่สวยที่สุดอันนึงที่เราเคยเห็นมาเลย โดยเฉพาะเราที่เป็นคนที่ชอบเครื่องสำอางโทนสีชมพูและม่วงอยู่แล้วด้วย :)

Azalea Blossom Blush Ombre รอบนี้มาพร้อมกับคอลเลคชั่น Isabel and Ruben Toledo ค่ะ packaging จะเป็นสีขาวและมีลวดลายเส้นสีดำและปากสีแดงเป็น illustration วาดโดยคุณ Ruben ให้ออกมาเหมือนหน้าคน ขนาด compact สี่เหลี่ยมกำลังดี แต่ที่ไม่ดีคือข้างในไม่มีกระจกมาให้ (โห! ราคาซะขนาดนี้ขอกระจกแถมหน่อยก็ไม่ได้เนอะ)

Azalea Blossom Blush Ombre เป็นบลัชเนื้อแป้งและมีสีแบบ gradient ค่ะ คือสีจะไล่จากสีชมพูเย็น ๆ อ่อน ๆ ด้านบนลงมาเป็นสีม่วงพาสเทลอ่อนด้านล่าง คุณสามารถวางแปรงลงไปให้แตะเฉพาะแต่ละสีขึ้นมาได้ หรือจะวางกึ่ง ๆ ไปทางข้างบนหรือล่างให้ได้สีใดสีหนึ่งขึ้นมามากกว่าหน่อยก็ได้ แล้วแต่ชอบเลย แต่ส่วนตัวเราเราจะหมุนแปรงลงไปตรงกลางเลยนั่นแหละเพื่อให้ได้สองสีผสมกันกำลังดี เวลาผสมกันแล้วจะได้สีออกประมาณชมพูอมม่วงนิด ๆ กำลังสวยเลย ทาแล้วดูอ่อนเยาว์ดี เราชอบมาก และคิดว่าเป็นสีที่เหมาะกับช่วงสปริงที่กำลังมาถึงด้วย! :)

เนื้อของมันมีชิมเมอร์ละเอียดยิบผสมด้วย แต่ไม่เยอะ ทาไปบนแก้มก็มองไม่เห็นแล้ว ส่วน finish ออกไปทางแม็ทกำลังดี มาถึงตอนนี้ทุกอย่างฟังดูดีหมดเนอะ

แต่ว่าข้อด้อยอยู่ตรงนี้ค่ะ! Azalea Blossom นี้มันต้องมีการลอกชั้นบนออกก่อนใช้ค่ะถึงจะเห็นสีชัดเจนบนแก้ม! ตอนเราเปิดฝามันขึ้นมาครั้งแรกนี่เราแบบว่าหลงเลย สีสวยมาก แต่พอลองทาจริง ๆ แล้วแบบอารมณ์เสียเพราะว่าสีมันอ่อนมาก หมุนแปรงลงไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้สีติดขึ้นมาพอซักที อย่างมากก็แค่เห็นเป็นแค่ความเงาสีเบา ๆ บนแก้ม ไม่ว่าจะทาทับ ๆ แค่ไหนก็ตาม บลัชตัวนี้บอกเลยว่าสีอ่อนมาก ๆ ค่ะ แถมเนื้อแข็ง ๆ ของมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นอีกต่างหาก

แต่ว่าเราไม่ยอมหมดหวังค่ะ! สีสวยขนาดนี้เราต้องหาวิธีทำให้มัน work ให้ได้! ฮ่า ๆ คิดอะไรไม่ออกเราก็เลยหยิบก้านสำลีมาขูดผิวมันซะเลย ขูดไปก็น้ำตาไหลไปเพราะชั้นบนมันไม่เนียนสวยเหมือนเดิมแล้ว แต่ว่าไม่มีทางเลือกค่ะ เราลองใช้แปรงที่ขนแข็ง ๆ และหนา ๆ หน่อยลองขูดดูแต่ก็เอาไม่อยู่ ไม่ช่วยอะไรเลย ก้านสำลีนี่ล่ะ ทางออกสุดท้าย! :D

ขูดเอาชั้นบนออกปุ๊บ Azalea Blossom กลายเป็นคนละคนเลยค่ะ ทีนี้สีเห็นชัดเจนขึ้นมาก เราก็สุขสุด ๆ! ตอนนี้ก็แค่แตะแปรงลงไปเบา ๆ ซัก 2-3 ครั้งก็ได้สีขึ้นมามากพอสำหรับทาบนแก้มเบา ๆ แล้ว คือสีมันก็ไม่ได้แบบเข้มขึ้นซะเว่อร์ทันตาอะไรหรอก แต่ว่าก็ดีขึ้นมาก swatch ง่ายขึ้นเยอะ ทาก็ง่ายขึ้นมากตอนที่ชั้นบนหลุดออกไปแล้ว แถมเนื้อข้างล่างก็นุ่มกว่าด้านบนด้วย ซึ่งทำให้ผงสีเกาะติดกับขนแปรงได้ดีขึ้น
ทีนี้ไปดูกันค่ะว่าแต่ละสี swatch แยกกันและรวมกันแล้วจะออกมาประมาณไหน

เห็นมั้ย ม่วงอมชมพูสวยจริงอะไรจริง! :) และข้างล่างก็เป็นรูปโชว์ว่าพอทาลงไปบนแก้มจริง ๆ ซัก 2-3 ชั้นแล้วจะได้สีออกประมาณไหนค่ะ

เวลาทาเบา ๆ จะได้สีที่สวยกำลังดีมีชีวิตชีวาและดูเป็นผู้หญิงสุด ๆ (เราคิดว่าเราจะทาสีนี้นะตอนวันวาเลนไทน์สวีทวี้ดวิ่ว!) แถมเห็นสีอ่อนแบบนี้แต่ติดทนดีทั้งวันนะคะ แน่นอนว่าคุณสามารถทาให้สีเข้มขึ้นกว่านี้อีกได้ แต่จากประสบการณ์เราแล้ว ยิ่งทาหนา มันก็จะยิ่งดู chalky ไม่เป็นธรรมชาติค่ะ ลงซัก 2-3 ชั้นนี่แหละกำลังดีแล้ว ได้ finish ที่กำลังสวยดูเป็นธรรมชาติดี :)
ถ้าใครซื้อ Azalea Blossom มาแล้วและพบว่าสีมันอ่อนเกิน ก็ลองขูดดูค่ะ สีข้างล่างมันสวยจริงคุ้มกับการขูด ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน! :)
เห็นด้วยเลยค่ะว่าสีไม่ค่อยออกตอนไปลองที่เคานท์เตอร์
คิดเหมือนคุณจ๋าว่า ถ้าขูดแล้วสีจะชัดขึ้นหรือเปล่า ดีใจ ได้คำตอบจากคุณจ๋าแล้วค่าา
แต่ก็คิดต่อว่า…
ถ้าไม่ได้ใช้ไปนานๆ อีก ต้องมาขูดอีกเรื่อยๆหรือเปล่าคะเนียะ ><
ถ้าไม่ใช้ทุกวันแล้วมันแข็งเป็นฟิล์มอีก ก็ต้องขูดอีกอ้ะค่ะ สวยแต่เล่นตัวนะสีนี้ ต้องให้ขูดตลอดเวลา 555
สวยจางเยยยยยยย
หราาาาา ขอบใจน้าาาาาา