Back to MAC นี่เป็นโปรแกรมที่ดีมากเลยนะคะ หลายแบรนด์น่าจะทำตามอย่าง สำหรับโปรแกรมนี้ง่าย ๆ ก็คือคุณสามารถนำ packaging/container เปล่า ๆ ของ MAC ที่คุณใช้ผลิตภัณฑ์หมดแล้ว 6 ชิ้นไปแลกลิปสติก MAC ฟรี 1 แท่งสีอะไรก็ได้ที่เคาน์เตอร์ ลิปสติก MAC บางสีที่เรามีก็ได้มาจากการแลกจากโปรแกรมนี้เช่นกัน ก่อนที่เราจะกลับมาจากอเมริกา เราแลก container เปล่า 12 ชิ้นและได้ลิปสติกมา 2 แท่ง เราเลือกสี Lovelorn กับ Snob มาเพราะอย่างที่ทราบว่าเราชอบทาปากสีชมพู วันนี้เราจะมาพูดถึง Lovelorn ให้ฟังก่อนค่ะ อยากจะบอกว่ามันได้กลายเป็นหนึ่งในสีลิปสติกของ MAC ที่เราโปรดปรานที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว หากอยากรู้ว่าสวยมากแค่ไหนนั้น ตามอ่านต่อได้เลย!


Lovelorn เป็นสีที่มีขายถาวร มาใน packaging สีดำมุกตามสไตล์ลิปสติก MAC ปกติ กลิ่นก็เป็นกลิ่นวานิลลาเบา ๆ อย่างที่คุ้นเคยกันที่ทาปุ๊บก็จางหายไป Lovelorn เป็นสีชมพูอ่อนถึงปานกลางที่เป็นสีเย็นและมีสีฟ้าเป็นเบส เป็นสีที่สวยและทาได้สวยทั้งกับคนโทนผิวอุ่นและเย็น ผิวเราคือ NC30-35 with yellow undertones และสี Lovelorn นี้ทาแล้วก็ไม่ขัดหรือตัดกับผิวเราแต่อย่างใด เป็นสีชมพูที่ดูสุภาพ เบา ๆ เรียบร้อย แต่ว่าก็ปนความสนุกขี้เล่นและอ่อนเยาว์ไว้ในตัวด้วย เราคิดว่าสีนี้น่าจะเหมาะกับผู้หญิงทุกวัยค่ะ

เม็ดสีถือว่าเข้มปานกลางพอใช้ได้ สามารถ build ขึ้นได้แต่ว่าเนื่องจากว่ามันเป็นสูตร Lustre ดังนั้นถึงแม้ว่าจะทาทับ ๆ แค่ไหนสีมันก็จะไม่ทึบค่ะ จะยังคงเห็นสีปากอยู่บ้างนิด ๆ ยิ่งถ้าใครที่ปากสีเข้มแล้วด้วยก็จะยิ่งเห็นชัดขึ้น ระดับการปกปิดอยู่ที่บางถึงปานกลาง ทาแล้วปากเงาวับสวยงามกำลังดี เราชอบทั้งสีและ finish ของ Lovelorn มากค่ะ :)


เนื้อแบบ Lustre นี้มีก็ข้อดีหลายอย่างคือ มันทาง่ายมาก ทาแล้วสบายปากด้วย เนื้อมันจะลื่นนิด ๆ ทำให้ทาไปตามปากได้นุ่มสบาย ไม่มีดึงหรือรั้ง แถมให้ความรู้สึกชุ่มชื้นบำรุงปากไปในตัวด้วย สีนี้ทาแล้วปกปิดรอยแห้งได้ดีแต่ว่าหากทาหนาเกินก็จะมีตกหล่นตามริ้วรอยปากได้บ้าง ส่วนความเหนียวความหนึบอะไรนั้นไม่มีสำหรับสีนี้ค่ะ
ความบางของสีนี้บวกกับเนื้อสีที่ลื่นทาง่ายทำให้การทาสี Lovelorn นั้นคุณสามารถทาจากลิปสติกลงปากโดยตรงได้เลยโดยไม่ต้องใช้พวกแปรงทาลิปสติกอะไรตามให้ยุ่งยาก สีมันเบาน่ะค่ะ เลยทาให้อยู่ในขอบปากให้ดูสะอาดเรียบร้อยง่าย
อย่างเดียวที่น่าเสียดายสำหรับสีนี้คือ มันติดไม่ทนเอาซะเลย ซัก 2 ชั่วโมงก็จางแล้วและต้องเติมเพิ่ม หากวันไหนเลือกทาสีนี้เราก็จะพยายามลงลิปไพรเมอร์ และ/หรือ ลิปไลน์เนอร์ไว้ข้างใต้ค่ะ มันช่วยเพิ่มเวลาการติดทนได้นานขึ้นเยอะเลย

และนี่สี Lovelorn บนปากเราค่ะ:

เราทา 3 ชั้นซึ่งคุณก็ยังพอมองเห็นสีปากเราอยู่บ้าง และนี่คือเหตุผลว่าทำไมสี Lovelorn มันจึงเป็นสีที่ทาง่ายและสวยเสียจริง ๆ ทาแล้วให้ความเงาแก่ปากกำลังดีไม่เยอะเกินไม่เบาเกิน ทำให้ปากดูสุขภาพดีอ่อนเยาว์ขึ้น ความเงานี้ยังเทียบไม่ได้กับความเงาของลิปกลอสจริง ๆ หรอกค่ะแต่ว่าก็เกือบใกล้เคืองเหมือนกันนะ! เราแนะนำสีนี้สำหรับคนที่กำลังตามหาสีชมพูสบาย ๆ ทาได้ทุกวัน ไม่ชมพูเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ หากแต่คุณต้องไม่มายด์กับเรื่องระยะเวลาการติดทนที่แสนจะสั้นของมันนะคะ
สุดท้ายนี้ขอนอกเรื่องแป๊บ วันนี้เป็นวันแรกที่เราเริ่ม watermark (ลงลายน้ำ?) บนรูปของเราแล้วค่ะ ขอบอกว่าปวดใจมากที่ต้องทำแบบนี้ ที่ต้องใส่โลโก้เกะกะรูป แต่ว่าเราไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ ไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆ ดูคนขโมยเอารูปไปใช้แบบไม่ให้เครดิตกันเลยได้อีกต่อไปแล้ว บางรายถึงขนาดแปะโลโก้ตัวเองทับรูปเราอีก เจ็บจี๊ดค่ะ เราว่ามันถึงเวลาที่เราจะต้องหยุดบ่นเสียเวลาและเริ่มทำอะไรเพื่อปกป้องสิทธิ์ของเราซักที เราจะค่อย ๆ ทยอย ๆ watermark รูปเก่า ๆ เราด้วยแต่คงอีกนานเลยกว่าจะเสร็จหมดเพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่าเราโพสท์รูปต่อรีวิวเยอะมาก ;) ยังไงก็อยากฝากบอกไว้ตรงนี้นะคะว่าเราเสียใจมากจริง ๆ ที่ต้องทำแบบนี้กับรูปแต่ว่าเราก็จะพยายามเลือกลาย watermark และจุดที่ลงบนรูปที่ดูแล้วเล็กที่สุดและไม่โฉ่งฉ่างเท่าที่จะทำได้ค่ะ :)