ในที่สุด Maybelline Baby Skin Pore Eraser ก็มาถึงอเมริกาแล้ว! ถ้าใครอยู่เอเชียอันนี้อาจจะเป็นข่าวเก่าแล้วแต่สำหรับเราตื่นเต้นมากที่มันมาถึงซักที! ไปดูกันว่ามันทำงานดีมั้ยและสมควรกับการรอคอยรึเปล่า :)


อย่างแรกเลย… ใช่แล้ว ๆ ตัว packaging เหมือนกันมากกับของ Benefit POREfessional! อันนี้ตั้งใจหรือเปล่าไม่ทราบแต่ว่าถ้าใครไม่สังเกตดี ๆ ดูเผิน ๆ ก็อาจจะนึกว่าเป็นตัวเดียวกันได้เลย ;) แต่หลอดของ Maybelline Baby Skin มันจะสั้นกว่าหน่อยอยู่ มันก็เป็นหลอดบีบธรรมดา ที่มี nozzle ตรงปลายขนาดเล็กไว้ให้บีบเอาเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมา ซึ่งก็ hygienic ดีและก็พกพาไปไหนได้ง่าย เราคิดว่าตัวลวดลาย packaging มันก็น่ารักดีอยู่นะ :) ของเวอร์ชั่นอเมริกันมันจะชื่อว่า “Instant Pore Eraser” แต่ของเอเชียจะเขียนว่า “Pore Eraser” เฉย ๆ บนหลอด อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเขียนต่างกัน เท่าที่ดูมามันก็เป็น product ตัวเดียวกันเป๊ะ

แต่คำว่า “instant” นี่มันก็จริงอยู่นะสำหรับตัวนี้ พอเราทาลงไปบนหน้าปุ๊บ รูขุมขนมันก็ดูกระชับลงทันทีเลยอ้ะ มันไม่ถึงกับแห้งผากหายไปเลยอย่างของ Becca Ever-Matte Poreless Priming Perfector หรอก (โอ้โห ตัวนี้นี่แบบรูขุมขนยุบหายกันแบบตกใจมาก มันเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในรูนี่โดนดูดเอาออกไปหมดเลยอย่างเฉียบพลันแทนที่จะไปเติมเต็มมัน! ตัวนี้น่าจะตั้งชื่อว่าเป็น Pore Tightener มากกว่า Primer นะในความคิดเห็นเรา!) ของ Maybelline ตัวนี้จะทำงานนุ่มนวลกว่ามาก
ถ้าพูดกันตามตรงแล้วตัวนี้มันก็เป็น face primer ที่หนักไปด้วย silicone คิดประมาณ Tarte Clean Slate Poreless 12-Hr Perfecting Primer หรือ Smashbox Photo Finish Foundation Primer หรือแม้กระทั่ง Laura Mercier Secret Finish Primer ประมาณนั้นเลย แต่มันไม่เหมือนกับของ Benefit POREfessional เลยนะ เราไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมใคร ๆ ถึงเอาไปเปรียบเทียบกับของ Benefit สำหรับเราแล้ว เราว่า Benefit POREfessional เนี่ยะเนื้อมันจะออกครีม ๆ แล้วทาแล้วก็จะกลายเป็น matte แป้ง ๆ แต่ของ Maybelline Baby Skin ตัวนี้นี่เป็นเจ็ลแล้วทาแล้วจะให้ความรู้สึกแบบ velvety ไม่ matte แต่ถ้าว่าเทียบกันในเรื่องของการปกปิดรูขุมขนอย่างนั้นก็ OK เปรียบเทียบกันได้ เพราะมันทำให้ขนาดรูขุมขนดูเล็กลงและทำให้ผิวรู้สึกนุ่มและเนียนขึ้น

Maybelline Baby Skin Pore Eraser อย่างที่บอกมีเนื้อเป็นแบบเจ็ลค่ะ ไม่เหนียว ไม่เหนอะหนะ และไม่มีน้ำหอม เนื้อเจ็ลเกลี่ยงายไปบนผิว ทาแล้วจะสัมผัสได้เลยว่าผิวนุ่มขึ้นและ finish จะออกไปทาง velvety ไม่ matte สนิท ถ้าถามว่ามันช่วยทำให้รูขุมขนหายไปเลยมั้ย? ตอบเลยว่าไม่ค่ะ มันแค่จะช่วยไป blur ให้ดูจาง ๆ เท่านั้น แต่ถ้าถ้าถามว่ามันช่วยทำให้ผิวดูนุ่มและเนียนขึ้นรึเปล่า? อันนี้แน่นอนค่ะ :)
ปกติเวลาเราใช้เราจะใช้แต่น้อยนะ แล้วก็พยายามลงเฉพาะตรงบริเวณที่รูขุมขนกว้างเห็นชัดเท่านั้น ส่วนใหญ่ก็ตามข้างจมูกและแก้มด้านใน ที่ใช้น้อยและใช้เป็นบางที่แทนที่จะใช้ทั้งหน้าเป็นเพราะเราเป็นสิวง่ายค่ะ ไม่ค่อยอยากจะใช้อะไรที่มี silicone เยอะ ๆ ทั่วหน้าทุกวันเพราะมันจะไปอุดตันรูขุมขนหนักเข้าไปอีกและก็ทำให้เป็นสิวเพิ่มขึ้น อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ บางคนอาจจะไม่เป็นเหมือนกันก็ได้
พอลงตัวนี้แล้วจากนั้นเราก็จะตามด้วย BB cream หรือรองพื้น เราพบว่าตัว primer มันทำให้พวกรองพื้นเกลี่ยไปง่ายขึ้นและทำให้เครื่องสำอางติดทนนานทั้งวัน นอกจากนี้ก็ควบคุมความมันได้ดีพอสมควร คือความมันมันก็ยังคงซึม ๆ ออกมาอยู่ดีแต่น้อย ไม่ถึงกับทำให้หน้ามันแพล่บ! แค่แบบนิดนึงให้หน้าดู dewy นิด ๆ อันนี้ประสบการณ์จากการใช้บนผิว combination ของเรานะคะ ซึ่งเราจะหน้ามันตรงช่วง T-zone แต่ถ้าใครผิวมันมากอยู่แล้ว เราคิดว่าอาจจะต้องมีการซับระหว่างวันแน่นอน



โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็น primer ที่ทำงานได้ดีในระดับนึงเลยค่ะ ปกปิดรูขุมขนได้ดี ทำให้ผิวดูเนียนเรียบขึ้นและทำให้เครื่องสำอางติดทนทั้งวัน ในราคา drugstore price มันอาจจะไม่ได้ทำให้หน้าแบบว่า matte และ shine-free สนิทกันไปทั้งวันแต่ว่าเอาเข้าจริงแล้ว มีตัวไหนเหรอที่ทำได้? :) ถ้าใครเป็นแฟนของพวก high-end face primer ที่เรากล่าวมาข้างต้น ลองมาใช้ตัวนี้ดูเล่น ๆ เป็นทางเลือกก็ได้นะคะ เพราะมันอาจจะช่วยประหยัดเงินได้พอสมควรเลยยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ primer ทุกวันอยู่แล้ว
ถ้าใครได้ลองใช้แล้วลองเอามาเล่าให้กันฟังบ้างก็ได้นะคะ ว่ามันใช้งานดีมั้ยสำหรับคุณ เราชอบฟังความคิดเห็นจากหลาย ๆ คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีลักษณะผิวและ concerns ที่ต่างกันกับเรา :)