รีวิว NARS Dual-Intensity Blush สี Adoration

หลังจากประสบความสำเร็จกับ Dual-Intensity Eyeshadow ไปแล้ว NARS เขาก็เพิ่งปล่อยบลัชรุ่นใหม่ออกมาที่เป็นเนื้อแบบเดียวกันเรียกว่า Dual-Intensity Blush ค่ะ สิ่งที่พิเศษของรุ่นนี้คือในคอมแพ็คนึงนั้นจะมีสีปัดแก้มมาให้ 2 สีที่เป็นสีตัดกัน และเนื้อสามารถใช้ได้ทั้งแบบแห้งและเปียกขึ้นอยู่กับว่าอยากได้เอ็ฟเฟ็กต์แบบไหน ถือว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่ดีเหมือนกัน และวันนี้เราก็มีหนึ่งใน 6 สีที่มีขายตอนนี้มาแชร์ให้ฟังกันค่ะ เราซื้อสีนี้มาอาจเพราะชอบชื่อสีค่ะ ซึ่งก็คือ “adorable“! ;)

NARS Adoration Dual-Intensity Blush
NARS Adoration Dual-Intensity Blush
NARS Adoration Dual-Intensity Blush
NARS Adoration Dual-Intensity Blush

NARS Dual-Intensity Blush มาในตลับสี่เหลี่ยม เนื้อดำยาง ฝาปิดด้วยแม่เหล็กตามสไตล์ packaging ของ NARS ข้างในมีกระจกมาให้และก็มีแผ่นพลาสติกใสเคลือบตัวผลิตภัณฑ์ไว้ ตัวบลัชนี้ไม่มีแปรงมาให้เหมือนกับตัว NARSissist Dual-Intensity Eyeshadow Palette (รีวิว) ค่ะ

NARS Adoration Dual-Intensity Blush
NARS Adoration Dual-Intensity Blush

Dual-Intensity Blush รุ่นนี้มี pattern และลักษณะเนื้อเหมือนกันเลยกับ Dual-Intensity Eyeshadow คือผงละเอียดแต่ว่ามันกดมาในถาดแน่นมาก พื้นผิวตอนสัมผัสแรก ๆ อาจจะรู้สึกแข็ง ๆ แต่ว่าจริง ๆ แล้วทาได้นุ่มอยู่โดยที่ไม่รู้สึกว่ามันจะ powdery หรือ patchy แต่อย่างใด แต่เรารู้สึกว่ามันต้องใช้ความพยายามในการ blend เล็กน้อยนะเพื่อให้ได้ขอบฟุ้ง ๆ แต่ว่าก็ไม่ได้ยากมากมายอะไรค่ะ

NARS Adoration Dual-Intensity Blush
NARS Adoration Dual-Intensity Blush
NARS Adoration Dual-Intensity Blush
NARS Adoration Dual-Intensity Blush

Adoration

  • The highlighting shade – pale baby pink; frosted finish
    • Dry: สีสวยมากจริง ๆ ค่ะ! เราเป็นคนชอบไฮไลท์เตอร์สีชมพูอ่อนแบบนี้อยู่แล้วพอได้มาเห็นสีชมพูของตัวนี้ก็หลงรักทันทีเลย ส่วนเอ็ฟเฟ็กต์ที่ได้หลังทานั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าทามากน้อยแค่ไหน มันก็มีตั้งแต่เป็นโกลว์เบา ๆ ไปจนถึง frosted เบา ๆ และจนถึงเป็น frosted sheen เข้ม ๆ เลยก็ได้ ความเข้มสีใช้ได้ build ง่าย ตอน swatch บนแขนบนมือนั้นเนื้อสีเกือบทึบทันทีเลย แต่ว่าพอทาบนผิวจริง ๆ แล้วจะบางเล็กน้อย และบนผิวเข้มปานกลางของเรานั้น เราพบว่าเราต้อง layer ซัก 2 ชั้นกว่าจะเห็นสีชัดเจน สีนี้สามารถใช้เป็นสีไฮไลท์มุมหัวตาด้านในก็ได้หรือใต้คิ้วก็สวยค่ะ แค่ระวังหน่อยละกันว่าลงตรงไหนเพราะถ้าลงตรงบริเวณที่ผิวมีรูขุมขนกว้างหรือมี imperfections มันก็อาจจะไปเน้นตรงจุดเหล่านั้นให้ชัดขึ้นได้
    • Wet: พอใช้แบบเปียกปุ๊บ สีมันจะทึบทันทีเลยค่ะ ผลที่ได้เกือบเหมือนโลหะเหลว ๆ เลย (liquid metallic-like) เราเคยปัดแบบเปียกนี้ออกไปเที่ยวข้างนอกมาแล้วแบบว่าชอบเอ็ฟเฟ็กต์แบบ high-sheen ของมันมาก! มันสวยแปลกไม่เหมือนไฮไลท์เตอร์ตัวอื่น แต่ว่าใช้แบบเปียกแล้วมันก็จะต้องใช้ความพยายามในการ blend นิดนึงกว่าจะได้ขอบเนียน แต่ว่าผลที่ได้สวยคุ้มค่ากับความพยายามแน่นอนค่ะ ส่วนบริเวณที่จะลงก็เหมือนกับตอนใช้แบบแห้งนะคะ คือต้องระวังให้ดีว่าจะทาตรงไหนบนหน้า ไม่งั้นพวกรูขุมขนและความไม่สม่ำเสมอของเนื้อผิวหลาย ๆ อย่างมันจะไปถูกเน้นให้เห็นชัดขึ้นมาก
  • The blush shade – medium hot pink; shimmery finish
    • Dry: ตอนแรกเรานึกว่าสีนี้ทาแล้วจะออกมาเป็นสีชมพู hot pink อย่างที่โฆษณาแต่ว่าพอทาจริง ๆ แล้วมันกลับกลายเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของสีแดง ส้ม และชมพู กิ๊บเก๋สวยไม่เหมือนใครไปอีกแบบ เนื้อมีชิมเมอร์ผสมด้วยแต่พอทาบนผิวแล้วก็จะกลืนไปกับผิวกลายเป็นเนื้อซาตินไปแทน ความเข้มสีดีมาก ทาไปชั้นเดียวก็เห็นสีชัดเจน ได้ look เป็นแบบแก้มระเรื่อกำลังสวย สีนี้ blend ให้เนียนไม่ง่ายอย่างที่หวังไว้แต่ว่าถ้ามีแปรงขนฟู ๆ ซักอันก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ค่ะ สีนี้เราไม่พบว่ามันไปเน้นรูขุมขนแต่อย่างใดแต่ว่ามันจะไปเน้นรอยแดงแทน อย่างเรานี่มีรอยแผลเป็นแดงบนแก้ม และถ้าทาไม่ระวังสีนี้มันจะไปเน้นตรงนั้นให้ชัดเจนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเราว่าลงเบา ๆ และลงให้ถูกที่ก็จะใช้สีนี้ปัดได้สวยค่ะ
    • Wet: ระดับความเข้มสีแบบเปียกนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงนะคะ แจ่มมากค่ะ! ตอนแรกที่อ่านคำอธิบายของ NARS ที่บอกว่าทาแบบเปียกแล้วจะได้ผลแบบ “translucent, second-skin finish” คือใส ๆ เหมือนผิวจริง เราก็มีแอบบงงเล็กน้อยเพราะว่ามันน่าจะกลับกันนะในความเป็นจริง แต่พอได้ลองเล่นไปเล่นมา เออ มันก็เหมือนอยู่เหมือนกันนะ แค่คุณต้องใช้แค่น้อยนิดเท่านั้น และก็ใช้แปรงที่ชื้นเล็กน้อยพอ วิธีการใช้ให้นึกว่าเหมือนกับการใช้พวก liquid หรือ gel cheek tint/stain น่ะค่ะ ปกติเราก็จะใช้นิ้วมือชื้น ๆ ลง แตะเป็นจุด ๆ 3-4 จุดในบริเวณที่ต้องการจากนั้นเราก็จะใช้แปรงพวก stippling brush หรือ แปรงขนฟูเกลี่ยตามเพื่อให้สีมันเสมอกัน ถ้าใช้นิ้วมือเกลี่ยสีมันจะเป็นจ้ำ ๆ ไม่เนียนค่ะ ฟังดูอาจจะแปลก ๆ นะแต่เราคิดว่าทาแบบเปียกแล้วมันก็จะได้งานใส ๆ โกลว์ ๆ มากกว่าการใช้แบบแห้งจริง ๆ

ส่วนตัวแล้วก็จะชอบทาแบบแห้งมากกว่านั่นแหละ เพราะว่ามันทาง่ายกว่า เร็วกว่า เกลี่ยให้เนียนง่ายกว่า แต่ถ้าวันไหนมีเวลาเหลือเฟือเราก็อาจจะใช้แบบเปียกบ้างอะไรบ้าง เวลาทาแบบแห้งและเปียกสีจะติดทนนานประมาณ 7-8 and 8-9 ชั่วโมง ตามลำดับค่ะ ข้อดีอีกอย่างคือหลังจากใช้แบบเปียกแล้วเนื้อมันจะไม่เสียแต่อย่างใด มันจะสามารถกลายสภาพกลับมาเป็นเนื้อแบบเดิมเหมือนตอนแห้งค่ะ

NARS Adoration Dual-Intensity Blush
NARS Adoration Dual-Intensity Blush

รูปข้างล่างนี้ก็เป็นรูปที่เราทา Adoration แบบแห้ง หวังว่าคงจะพอมองเห็น sheen สีชมพูอ่อน ๆ ของสีไฮไลท์บนแก้มเรานะคะ :)

Wearing NARS Adoration Dual-Intensity Blush
Wearing NARS Adoration Dual-Intensity Blush

คุณสามารถทาแต่ละสีเดี่ยว ๆ ได้หรือจะผสมกัน หรือทาทับกันก็ได้เพื่อโทนให้สีไฮไลท์มันสว่างน้อยลงหรือเพื่อเพิ่มความโกลว์ให้กับสีบลัช นอกจากนี้ก็สามารถผสมแบบแห้งและเปียกเข้าด้วยกันด้วยก็ได้ แล้วแต่ความชอบของคุณเลย มีออพชั่นให้เล่นหลายอย่างและเราก็อยากให้คุณลองใช้มันเล่นมันให้คุ้มค่าค่ะ ถ้าสีชมพูแบบนี้ไม่ใช่สีสไตล์คุณ รุ่นนี้เขาก็มีสีอื่นให้เลือกอีกถึง 5 สีเลย เราคิดว่า NARS Dual-Intensity Blush นี้ทำงานได้คุ้มค่าสมราคาและเป็นอะไรที่ทุกคนน่าจะได้ลองใช้ดูค่ะ :)

Purchase

US$45 at SephoraNordstromNARS

฿1,700 at Sephora Thailand

Tags from the story
, , ,
Join the Conversation

6 Comments

  1. says: Tommie

    สี blush shade / Adoration คล้ายๆ กับ Tom Ford Flush Cheek Color Blush อยู่เหมือนกันนะเนี้ยะ แค่ห็นสีแล้วก็หลงรักเลย เป็น combination ที่ลงตัวมากๆ แถมชื่อก็น่ารักอีกต่างหาก ^^

    1. says: Jaa

      อ๊ะอิจฉา มีสีสวยเหมือนกันนะค้า อย่ามายั่วนะ เดี๋ยวพี่ไปหยิบอีกหนึ่ง!

Leave a comment
Leave a comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *