สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้มีเพื่อนมาแนะนำให้รู้จักค่ะ ชื่อ Mary! เธอคนนี้ rebellious มาก เธอคือ dangerous highlighter ที่ถูกจับกุมด้วยข้อหาว่า “too pretty“! สวยเกิน! (โอ้โห แปลอังกฤษเป็นไทยได้ lame มากประโยคนี้! ฮ่า ๆ มันแปลยากนะ เราพยายามอธิบายแล้ว ยังไงไปดูเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้ค่ะ อาจจะเข้าใจเรามากขึ้นว่าพยายามจะสื่อสารอะไร!)
Mary-Lou Manizer ของ theBalm ตัวนี้เป็น compact ที่ด้านบนมีรูป mug shot ของ Mary อยู่ design ของตัวนี้เห็นชัดเลยว่าได้แรงบันดาลใจมากจาก 1950’s vintage pin-up look – how quirky! เราชอบนะ ที่ theBalm เขาพยายามทำ packaging สนุก ๆ คาดไม่ถึงออกมาเรื่อย ๆ สำหรับ product ของเค้า :) ตัว compact ของ Mary อันนี้ทำมาจากพลาสติกแข็งน้ำหนักเบาสีเงินแต่ไม่ก๊องแก๊งนะ ดูแข็งแรงพอสมควรเลย ข้างในมีกระจกด้วย สะดวกสำหรับพกไปใช้ติดตัว
theBalm บอกบนเว็บไซต์ว่าสีนี้จะออกประมาณ “honey-hue” แต่บนผิวเราแล้วมันออกประมาณ pale golden champagne มากกว่า พวก swatch ที่เราเห็น online ส่วนมากมันจะออกดูประมาณทอง ๆ เลยนะ แต่บนผิวเราแล้วมันไม่อ้ะ มันจะออกประมาณทองแบบ neutral ไม่ใช่ทองแบบเหลือง ๆ
Mary-Lou Manizer powder ตัวนี้เนื้อนิ่มและก็ silky มาก เกลี่ยง่าย blend well แต่ว่าสิ่งที่เจ๋งที่สุดสำหรับตัวนี้คือ มันไม่เหมือน highlighter ตัวอื่นทั่วไปนะ! ตัวนี้เธอจะสีแน่นมาก bold และ dramatic สุด ๆ มองดูใน pan แล้วดูเหมือนจะคล้าย ๆ highlighter สีธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่พอ swatch เท่านั้นแหละ จะเห็นเลยว่าสีเธอแน่น เข้มมาก และเพราะเหตุนี้มันจึงทำให้ overdo ง่าย คือลงเยอะเกินง่าย แทนที่จะได้หน้า glow สวย ๆ กลับเป็น disco ball แทน อันนี้เวลาใช้ต้องระวังเลยค่ะ ใช้แต่น้อยพอ ปกติแค่แตะด้วยแปรงเบา ๆ ก็ได้ปริมาณ product ขึ้นมามากพอแล้วค่ะ
เราคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการลงตัวนี้คือใช้แปรง stippling/duo fibre ขนาดเล็ก เช่น MAC 188 หรือ พวกแปรง tapered face brush เช่น MAC 165 หรือไม่ก็ fan brush เล็ก ๆ แล้วมือตอนลงก็ต้องเบา ๆ และเที่ยง ๆ ด้วย ลงตรงบริเวณที่ต้องการเท่านั้น เพื่อเนื้อแป้งจะได้ไม่กระจายไปที่อื่น ๆ ของหน้า ซึ่งอาจจะทำให้หน้าดูมันและรูขุมขนจะถูกเน้นให้ชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ก็ต้องเคาะ ๆ แปรงก่อนนิดนึงก่อนลงลงไปบนหน้าเพื่อเอาแป้งส่วนเกินออก เวลาทาให้เริ่มแต่น้อย ๆ ก่อน ไม่พอก็ค่อย ๆ เติมเอาได้ แต่อย่าไปลงหนักแต่ที่แรกเลย หากใครรีบก็ใช้นิ้วมือจัดเลยก็ได้ค่ะ แต่ต้องค่อย ๆ แตะลงไปบนเนื้อแป้งเบา ๆ นะ อย่าไปถูไปถูมา ไม่งั้นจะได้เนื้อแป้งขึ้นมาเยอะเกิน
Mary-Lou Manizer ถือว่าเป็นสีที่สวยมาก ๆ นะ ทาบนแก้มเราแล้วจะได้ประมาณ pearly sheen effect แต่ว่าไม่มีร่องรอยของพวก shimmer หรือ glitter ใด ๆ เลย ความ glow จะยิ่งเห็นชัดไปอีกตอนออกไปอยู่ข้างนอก พอกระทบกับแสงอาทิตย์แล้วสวยมาก ๆ นอกจากนี้ตัวนี้ก็ติดทนนานด้วยค่ะ ทาเช้าอยู่กันไปถึงค่ำเลย!
นอกจากเอาไว้ highlight โหนกแก้มแล้ว theBalm เขาบอกว่าสามารถใช้ Miss Mary คนนี้สำหรับทาทั่วหน้าและใช้เป็นสี eyeshadow ได้ด้วย คือใช้เป็น eyeshadow เนี่ยะ เราก็เห็นดีด้วยนะ เราชอบใช้ตัวนี้ลงตรงกลางเปลือกตาเพื่อทำให้ตาดูมีประกาย ๆ นอกจากนี้ก็ใช้ highlight ตรงมุมขอบตาด้านใน ใต้โหนกคิ้ว สันจมูก รอยหยักเหนือปาก คือได้ทุกที่นะค่ะที่อยากให้มันดูเด่นขึ้นมา ตัวนี้เป็น multipurpose product ของจริง แต่เรื่องที่ว่าจะให้ใช้ทั่วหน้าเลยเนี่ยะ อันนี้เราก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนะ ถ้าจะใช้แบบนั้นคงต้องลงแบบเบา ๆ ถึงเบาที่สุดเลย และอาจจะต้องใช้พวก fan brush ขนาดใหญ่ ๆ หน่อย เราว่ามันจะยากนิดนึงและอาจจะต้องมีทักษะในการลงเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้หน้ากลายเป็น Vampire Edward ตอนจบ :) อีกเรื่องที่เราค่อนข้างจะเป็นห่วงคือเราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าสีนี้จะดูหลอกหรือเปล่าสำหรับคนที่ผิวคล้ำกว่าเรา มันอาจจะทำให้ดู ashy (ออกเทา ๆ หลอก ๆ) ได้
ปกติแล้วเราไม่ค่อยได้ใช้ highlighter เท่าไหร่ช่วง Summer แต่ตอนนี้เข้า Winter แล้วและหน้าเราก็เริ่มแห้งและ dull อีกแล้ว เราก็เลยเริ่มหันกลับมาใช้ highlighter บ่อยขึ้น ช่วงนี้ก็ใช้ highlighter ทุกวันเพื่อเพิ่มความ glow ให้กับใบหน้า Mary-Lou Manizer ตอนนี้เป็นตัวที่อยู่ใน current makeup rotation ของเราเลยและคิดว่าเธอคงจะอยู่กันไปจนกว่าจะหมดหน้า Winter เพราะว่าเธอทาแล้วสวยจริงอะไรจริงมากกว่า highlighter ตัวอื่น ๆ ที่เรามี นอกจากนี้ตัวนี้ก็ราคาใช้ได้ด้วยนะคะ บ่อย ๆ เลยด้วยที่ Hautelook เอามาขายครึ่งราคา ดังนั้นก็คอย ๆ ดูพวกเว็บพวกนี้ไว้ละกันถ้าสนใจ ส่วนของเราเราได้มาจาก T.J.Maxx ปีที่แล้วตอนนั้นมัน pack รวมกันมากับ theBalm product อื่น ๆ ด้วย จำได้ว่าเซ็ทมันราคาถูกเว่อร์มากจนแบบต้องซื้อมาน่ะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสุดท้ายจะชอบมากขนาดนี้ เป็นการลงทุกที่เล็กน้อยแต่คุ้มค่ามาก! :)
