รีวิวลิปสติก Tom Ford อีกแล้ว! คงไม่แปลกใจแล้วเนอะ? ;D สี Naked Coral, Forbidden Pink (รีวิว) และ Bare Peach (รีวิว) นี้มันเคยเป็นสีที่มีขายเฉพาะในเอเชียเท่านั้นค่ะ แต่ว่าตอนนี้ไม่แล้ว ตอนนี้มีขายแล้วที่นี่บนเว็บของ Tom Ford เองเลย (ตาม link ข้างล่างสุด) เราอยากได้สี Naked Coral มานานมากแล้ว ตอนที่ไปเที่ยวเมืองไทยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็อุตส่าห์แวะเข้าไปเคาน์เตอร์ Tom Ford แต่ดั๊นกลับมาหมดสต๊อกซะนี่ ก็เลยอดเลย ดังนั้นคุณคงเดาออกว่าเราดีใจแค่ไหนตอนที่เห็นสีนี้มีขายแล้วที่นี่! :D ในบรรดา 3 สีนี้ สี Naked Coral เป็นสีโปรดสุดของเราค่ะ ก็เลยดีใจหน่อยที่ในที่สุดก็ไปหามาครอบครองได้ซักที! :)
เรื่องของ packaging นั้นคงไม่ต้องรีวิวกันแล้วมั้งเนอะ เพราะเราพูดไปหลายพันครั้งแล้วบน HelloJaa! ^_^ แต่เอาสั้น ๆ ซักหน่อยก็ได้อ้ะ หรูหรา แข็งแรงมั่นคง หนักเล็กน้อย และก็มีฝาที่ปิดได้เสียงแบบนุ่มผู้ดีประทับใจมาก! ;)
สี Naked Coral มีกลิ่นหอม ๆ วานิลลาเบา ๆ ที่หอมแต่ติดไม่นาน ซักนาทีก็หายไป ถ้าให้เราอธิบายสีของลิปสติกตัวนี้เราว่ามันออกประมาณสีส้มเข้มปานกลางอมชมพูนิด ๆ และมีชิมเมอร์ระยิบระยับ แต่สีชมพูของมันนั้นเบามากและก็มองไม่ค่อยเห็นบนปากเราเท่าไหร่ค่ะ ปริมาณชิมเมอร์ในเนื้อลิปสติกนั้นเยอะมากจริง ๆ แต่ว่ามันก็ไม่ทำให้ตอนทารู้สึกสากปากแต่อย่างใด ปกติแล้วเราชอบลิปสติกที่ไม่มีชิมเมอร์นะ แต่ว่าคงต้องยกเว้นให้กับชิมเมอร์ของ Tom Ford เขาล่ะ เพราะว่ามันละเอียดมาก ทาแล้วทำให้ปากดูมีมิติ อวบอิ่มขึ้น เต็มขึ้น โดยที่ไม่มีพวกกลิตเตอร์เม็ดใหญ่ ๆ มากวนใจแต่อย่างใด :)
แต่สี Naked Coral นี้สีมันไม่ทึบอย่างสีอื่นในตระกูลลิปสติกของ Tom Ford ค่ะ เนื้อมันบางกว่า และก็มีความใสและลื่นอยู่ในตัว ทำให้ตอนทาสีมันเลยลื่น ๆ ไม่ค่อยเสมอกันเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสีอื่นที่ทาไปครั้งเดียวก็ได้สีทึบแน่นเลย เราว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่ามีชิมเมอร์เยอะด้วยมั้ง แถมบางทีถ้าทาเยอะเกินสีมันก็ไปตกตามริ้วรอยปากและเน้นพวกรอยแห้งด้วย ดังนั้นถ้าใครจะทาทับ ๆ ให้ได้สีเข้ม ๆ เราคิดว่าคงต้องมีการซับระหว่างชั้นด้วยถึงจะได้ผลดีที่สุด และเสต็ปสุดท้ายอย่าลืมเม้มปากหากันซัก 2-3 ครั้งเพื่อกระจายสีให้เนียนเสมอกันและทำให้เนื้อปากดูเนียนขึ้นค่ะ
เราชอบสี Naked Coral บนปากเรานะ มันเป็นสีเบา ๆ ที่ทาง่าย ทาสบาย เหมาะมากกับการทาในวันธรรมดา ทาแล้วมันจะให้ความเงาบนปากเบา ๆ ด้วย แต่ความเงามันติดไม่ทนเท่าไหร่ค่ะ ซัก 2-3 ชั่วโมงอย่างมาก จากนั้นมันจะเซ็ทตัวกลายเป็นสเตนสีออกประมาณส้มอมชมพูเนื้อกึ่ง ๆ แม็ทไปแทน ซึ่งอันนี้ก็จะติดทนนานไปอีกประมาณ 3-4 ชั่วโมง ตอนช่วงหลัง ๆ ที่สีเริ่มจางแล้ว ปากจะรู้สึกแห้งนิด ๆ แต่ว่าก็สามารถคืนความชุ่มชื้นให้กับปากได้ง่าย ๆ ด้วยการทาลิปบาล์มทับค่ะ
สีทาแล้วมันจะออกประมาณนี้ค่ะ:
เห็นมั้ย ว่าสีเป็นสีแบบทาง่าย ทาสบายจริง ๆ :D และนี่ก็ถือเป็นการสิ้นสุดความใฝ่ฝันของเราที่จะหาให้ครบทั้ง 3 สีที่เป็น Asia-exclusive มาครอบครอง แต่ว่าตอนนี้อย่างที่บอกมันไม่ค่อยจะ exclusive เท่าไหร่แล้วค่ะ! อ้ะนะ ทำไมไม่ขายที่นี่ซะตั้งแต่ทีแรกเลย บางทีเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแบรนด์ต้องผลิตสีต่างกันออกมาขายต่างทวีปด้วย ถ้าเป็นพวกรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์อะไรแบบนี้ เราก็เข้าใจอยู่ว่าอาจจะต้องขายสีที่เข้ากับสีผิวคนในทวีปนั้น แต่สีลิปสติกเนี่ยะนะ เพื่ออะไรน้อ?
อ้อ อีกเรื่องนึง มีใครได้ทันซื้อลิปสติกคอลเลคชั่นใหม่ Lips & Boys บ้างรึเปล่าคะ? เราซื้อบ้าไปเลยตอนที่มันปล่อยออกมาขายบนเว็บ Nordstrom เมื่อวันจันทร์ (เราชอบซื้อของผ่านเว็บ Nordstrom มากกว่าที่อื่น เพราะว่า return policy เขาดี เผื่อสีไหนทาแล้วไม่ถูกใจก็ยังสามารถคืนได้) ตอนแรกแพลนไว้ว่าจะซื้อไม่กี่สี แต่ไป ๆ มา ๆ หยิบใส่ตะกร้าไม่ยั้ง ก็แหม มันยากมากนะคะที่จะเซ็ทลิมิตว่าจะซื้อกี่สีพอในขณะที่มันมีตั้ง 50 สีให้เลือก! แต่สีที่เราซื้อจะหนักไปทางชมพูมากค่ะ ก็เราเป็นคนชอบทาปากสีชมพู :) อยากให้มันส่งมาถึงเร็ว ๆ จัง! :D
