หลายคนอาจจะเซอร์ไพรส์นะคะหากทราบว่าเราเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยชอบใช้พวกบอดี้ออยล์ ยิ่งแบบที่มีกลิ่นน้ำหอมด้วยแล้วล่ะก็ จะไม่ใช้เลย คือในหัวเรานี่จะคิดแต่ว่ามันทาแล้วผิวจะต้องมัน ๆ หนึบ ๆ แน่นอน แถมอาจมีคราบมันหลงเหลือไปติดตามเสื้อผ้าอีก แต่นี่ก็เป็นแค่ความคิดเราก่อนที่จะได้มาเจอ Tom Ford Shimmering Body Oil ค่ะ! ตัวนี้นี่เราแบบว่ารักจริงอะไรจริง ชอบทุกอย่างของมันเลย ตอนที่เราเห็นรูปโปรโมโฆษณานี่เราอย่างกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ! ตาลุกพรึ่บพรั่บ หัวสมองไม่สั่งการ อยากจะได้อย่างเดียว! เอาเป็นว่าไม่เยิ่นเย้อละ ไปเข้ารีวิวกันเลยดีกว่าค่ะ!
Perfection in a bottle

Tom Ford Shimmering Body Oil ตัวนี้มาในขวดแก้วใสสี่เหลี่ยมที่คุณสามารถมองเห็นเนื้อผลิตภัณฑ์ข้างในได้ทุกมุมเลย ของจริงนี่บอกเลยว่าสวยงามหรูหรามาก ๆ ค่ะ ฝาสีทองนั้นก็สวยงามเหมาะสมกันทำให้ขวดนี้กลายเป็น beauty product อีกหนึ่งตัวที่หรูหราที่สุดของบรรดาของทั้งหมดที่เราได้มีโอกาสซื้อมาใช้เลย!
และเราก็ดีใจมากที่ขวดมากับที่ฉีดแบบสเปรย์ที่สามารถฉีดลงบนผิวได้โดยตรงเลย ทำให้ทาได้ง่าย กะปริมาณง่าย ไม่ยุ่งยาก!


เนื้อออยล์ของตัวนี้ก็หรูหราไม่แพ้รูปร่างหน้าตาขวดค่ะ เนื้อละมุน น้ำหนักเบา แห้งเร็ว และไม่ทิ้งคราบมันและเหนียวไว้บนผิวเลย น้ำหอมจริง ๆ เป็นกลิ่นของ white florals และ golden, amber-sandalwood ผสมกัน แต่สำหรับจมูกเราแล้ว (ซึ่งเป็นจมูกที่ดมพวกน้ำหอมอะไรไม่เก่ง) เราว่ามันกลิ่นออกประมาณมะพร้าวผสมวานิลลาอ่อน ๆ เป็นกลิ่นหวาน ๆ ที่ได้ดมแล้วจะนึกถึงซัมเมอร์ที่อบอุ่นขึ้นมาทันที
เราชอบด้วยที่กลิ่นมันไม่แรง ปกติเราจะไม่ค่อยชอบกลิ่นแนววานิลลาเท่าไหร่เพราะมันมักจะทำให้เราปวดหัว แต่ของตัวนี้ได้กลิ่นแล้วกลับรู้สึกผ่อนคลายทันที กลิ่นติดทนหลายชั่วโมงด้วยค่ะ ยิ่งทามากก็ยิ่งติดนาน ปกติเราจะฉีดประมาณ 1-2 ปั๊มบนขา แขน รวมถึงหน้าอกและไหล่ ผ่านไป 4-5 ชั่วโมงก็ยังได้กลิ่นอยู่เลย หลังจากนั้นก็อาจจะมีจางลงบ้างเล็กน้อยค่ะ

เราชอบทาตัวนี้บนผิวเปล่า ๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จแต่ว่าบางทีก็มีผสมกับโลชั่นทาผิวหรือครีมกันแดดบ้างอะไรบ้างเพื่อเพิ่มประกายความระยิบระยับให้กับผิว พูดถึงความระยิบระยับแล้ว บอดี้ออยล์ตัวนี้มีชิมเมอร์ละเอียดผสมมาเยอะมากค่ะ ทาแล้วผิวดูเป็นประกายสวยงามมาก ชิมเมอร์มีสีทองกับแพลตทินัมผสมกันอย่างที่เห็นในรูป close-up ตลอดรีวิวนี้ เนื้อชิมเมอร์อย่างที่บอกว่าเล็กและละเอียดมากทำให้ตอนทาคุณจะไม่รู้สึกว่ามีชิมเมอร์บนผิวเลย แต่มองเห็น รับรองไม่มีความรู้สึกสากแน่นอนค่ะ หากใครที่กังวลอยู่
และถึงแม้ว่ามันจะมีปริมาณชิมเมอร์เยอะ แต่ว่าทาบนผิวแล้วมันจะเกลี่ยตัวออกและกระจายตัวมาก ทำให้ความระยิบระยับดูเป็นแบบประปรายไม่เยอะเว่อร์เกิน แต่ว่าคุณก็สามารถทาให้มากขึ้นหรือน้อยลงเพื่อปรับระดับความระยิบระยับบนผิวได้ตามต้องการอย่างง่าย ๆ ยังไงก็อย่าลืมเขย่าขวดให้ดีก่อนใช้ทุกครั้งนะคะเพื่อให้เนื้อชิมเมอร์ผสมกันกับน้ำมันให้ทั่วถึงก่อนใช้


ส่วนเรื่องการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเราว่ามันก็ทำได้ดีในระดับนึงเลยนะคะ เพราะระหว่างทาผิวเราก็ดูซอฟท์นุ่มนวลอยู่ตลอด แต่เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะชุ่มชื้นมากพอสำหรับคนที่ผิวแห้งรึเปล่า เพราะว่าเนื้อมันพูดถึงแล้วก็เบาเหมือนกันนะ อย่างไรก็ตามคุณสามารถผสมตัวนี้กับบอดี้ครีมตัวโปรดของคุณเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอย่างพอเพียงค่ะ


มาถึงตรงนี้แล้วก็คงจะรู้สึกได้แล้วเนอะว่าเราหลงรักกับทุกสิ่งทุกอย่างของบอดี้ออยล์ตัวนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาขวด กลิ่นน้ำหอม เนื้อ รวมถึงการทำงานของมัน คือไม่มีอะไรของตัวนี้เลยที่เราไม่ชอบ เราไม่เคยเห็นผิวเราระยิบระยับได้สวยงามแบบนี้มาก่อนเลย และตอนนี้เราก็ติดมันมากใช้บ่อยมาก!
แต่เราก็กำลังพยายามบอกตัวเองว่าอย่าใช้บ่อย ให้ใช้เฉพาะโอกาสสำคัญเท่านั้นเพราะว่าตัวนี้เป็น limited-edition ค่ะ ออกมาแค่แป๊บเดียวสำหรับ Summer 2015 Soleil Collection เราขอโทษด้วยที่กว่าคุณจะอ่านรีวิวเราวันนี้ ของมันก็ไม่มีขายแล้ว หมดทุกที่เลยออนไลน์ เราไม่คิดว่ามันจะมีมาขายอีกหรอกค่ะ ก็ได้แต่หวังว่าซัมเมอร์หน้าแบรนด์จะเอาออกมาวางขายอีก ยังไงก็ลองเช็คที่เคาน์เตอร์แบรนด์ดูนะคะ อาจจะยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างก็ได้ ส่วนลิ้งค์สำหรับซื้อข้างล่างนี้เราวางไว้เพื่อเป็น reference ค่ะ เท่าที่ดูเว็บ Amazon ยังมีขายอยู่แต่เราแนะนำว่าให้คิดให้ดีคิดให้นานก่อนซื้อนะคะ เพราะราคาเขาโก่งขึ้นไปเยอะมากเหมือนกัน!
ลองใช้ Nuxe Huile Prodigieuse ดูนะ คล้ายๆกัน เรื่องแพ็คเกจอาจจะไม่เท่า แต่ดีไม่แพ้กันแน่ๆ