รีวิว Urban Decay Afterglow 8-Hour Powder Blush สี Bittersweet

เห็นบลัชสีม่วงทีไรเราก็แบบว่า “ohh” และ “ahh” ทุกครั้งเลย! สีม่วงนี่พูดถึงแล้วเป็นสีที่แปลกจากคนอื่นนะ ออกจะค่อนข้างเป็นสีน่ากลัวด้วยซ้ำเมื่อเป็นสีเครื่องสำอาง แต่ว่าถ้าเลือกโทนสีม่วงให้ถูกต้อง เราว่ามันก็เป็นอีกสีหนึ่งที่ทาแล้วสวยมากบนหลายสีผิว ผลิตภัณฑ์ที่เรานำมาเล่าให้ฟังในวันนี้ดูจากในคอมแพ็คแล้วอย่างกับว่าเป็นสีที่ทาแล้วไม่รอดแน่ ๆ แต่เราจะมาโชว์ให้ดูค่ะว่ามันเป็นบลัชสีม่วงที่ทาง่าย ทาได้จริง ทาแล้วสนุกและสวยด้วยค่ะ

เราเกือบจะบ้าคลั่งกันเลยทีเดียวตอนที่เห็นสีบลัช Bittersweet สีม่วงจี๊ดนี้ครั้งแรกในคอลเลคชั่นใหม่ Afterglow 8-Hour Powder Blush ของ Urban Decay เห็นปุ๊บเราก็หยิบใส่ตะกร้าปั๊บเลยไม่มีลังเลไม่มีกังวลใด ๆ ทั้งสิ้นว่ามันจะม่วงไปมั้ยอะไรมั้ย คือสีมันสวยแล้วก็ไม่เหมือนใครจนเราไม่สามารถที่จะไม่ซื้อได้ เราชอบมากอยากได้สีนี้มากจนเราไม่ได้มองสีอื่นในคอลเลคชั่นเลยค่ะ

แต่อย่างแรกเรามาเริ่มคุยเรื่อง packaging แสนสวยกันก่อนดีกว่า!

คอมแพ็คของตัวนี้น้ำหนักเบา ทำมาจากพลาสติกสี gunmetal เงาวับ (เห็นรอยนิ้วมือง่ายมาก!) ฝาปิดด้วยแม่เหล็ก ข้างบนฝามีโลโก้ UD โปร่งแสงที่ช่วยให้คุณเห็นสีบลัชข้างในได้ผ่านช่อง grid ที่ไขว้กันไปมาด้านหลัง (ตามรูปด้านล่าง) ข้างในจะไม่มีกระจกเพราะมี grid ตัวนี้มาวางไว้แทน ทำให้คอมแพ็คมันดูขาด ๆ อะไรไป แต่ว่าความสวยงามของมันก็คุ้มค่ากับการที่ไม่มีกระจกนะเราว่า ส่วนข้างใต้คอมแพ็คจะมีสติ๊กเกอร์สีม่วงแปะไว้เพื่อช่วยให้คุณหาสีบลัชที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

Bittersweet ไม่มีกลิ่น เนื้อนุ่มเหมือนครีมแต่ก็ไม่นุ่มมากซะจนแบบว่าพอแตะแปรงลงไปแล้วผงฟุ้งขึ้นมา เม็ดสีแน่นละเอียด สีเข้มสะใจ แค่แตะ ๆ ปลายแปรงลงไปบนผิวบลัชเบา ๆ ก็หยิบสีขึ้นมาได้มากพอชัดเจนแล้วค่ะ ขนาดบนผิวสีเข้มปานกลางของเรา เรายังต้องระวังตอนทาเลย แต่ว่าสีมันก็เกลี่ยให้บางลงง่ายนะคะ ทำให้สามารถกะปริมาณการทาให้ได้ look ตามต้องการง่าย ทาน้อย ๆ หากอยากได้ look ธรรมชาติ หรือไม่ก็ทาเยอะหน่อยเพื่อให้ได้ look จี๊ด ๆ เข้ม ๆ

เนื้อของมันทาแล้วมันจะเกาะติดกับผิวทันที ทำให้เรารู้สึกว่ามันต้องใช้ความพยายามในการเกลี่ยเล็กน้อย แต่ว่าถ้ามีแปรงปัดแก้มหัวฟู ๆ ซักอันลงเกลี่ยตาม มันก็เกลี่ยให้ดูซอฟท์และฟุ้งได้ง่ายค่ะ ตัวนี้มีเนื้อเป็นแม็ทสนิทเลย แต่ก็แปลกที่ทาแล้วไม่ดูแบน เนื้อไม่มีชิมเมอร์หรืออะไรที่กระทบแสงเลยแต่ว่าทาแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหน้าไม่ดูไร้มิติ

ในรูป swatches แขนเราข้างบน คุณจะเห็นเลยว่า Bittersweet เมื่อทาบาง ๆ แล้วมันมีสีชมพูปนอยู่ด้วยพอสมควร จะเห็นเป็นม่วงจ๋าเหมือนที่เห็นในตลับเลยก็ต่อเมื่อทาทับ ๆ ให้หนาขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นการโชว์ให้เห็นว่าคุณสามารถทาสี Bittersweet ให้บางชมพูหรือเข้มม่วงก็ได้ตามใจปรารถนาเลยค่ะ เราเคยทาแบบม่วงจัด ๆ ครั้งนึงแล้วแบบว่า โอ้โห ดราม่าสุด ๆ! (แต่ก็ดราม่าแบบสวย ๆ นะคะ) เรารู้สึกว่าสำหรับวันทำงานธรรมดาเราจะรู้สึกสบายใจกว่ากับการทาเบา ๆ ถึงเข้มปานกลาง คือให้เห็นออกชมพูด้วยม่วงด้วยกำลังดี จะไม่ค่อยทาม่วงเต็ม ๆ เท่าไหร่ค่ะ

ส่วนเรื่องการติดทนถึง 8 ชั่วโมงนั้น เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ จริง ๆ แล้วเราว่ามันติดทนนานมากกว่า 8 ชั่วโมงอีกนะ นี่ขนาดบนผิวผสมถึงมันของเรานะเนี่ยะ ดีเยี่ยมเลย!

ข้างล่างนี้เป็นรูปที่เราทา Bittersweet บนแก้มให้สีเข้มปานกลางค่ะ:

เราชอบที่แก้มเราออกสีม่วงนิด ๆ ด้วย ทำให้มันแตกต่างจากปัดแก้มสีชมพูธรรมดาทั่วไป ทาจริงบนผิวแล้วสีมันจะไม่น่ากลัวเหมือนที่เห็นในคอมแพ็คหรอกค่ะ แถมไม่ดู chalky หรือ powdery ด้วยนะ ถึงแม้ว่ามันจะเนื้อนุ่มและมีเนื้อเป็นแม็ทสนิทก็ตาม เราชอบสี Bittersweet นี้มากเพราะไม่เหมือนใครแต่ว่าก็ทาง่ายอยู่ ถ้าใครกำลังมองหาสีเครื่องสำอางแปลกใหม่เพื่ออยากฉีก look เดิม ๆ ออก หรือใครที่อยากจะลองใช้อะไรสีม่วง ๆ บ้าง เราแนะนำให้เริ่มที่ Bittersweet เลยค่ะ การปัดแก้มสีม่วงนั้นทำง่ายกว่าการทาปากสีม่วงเยอะเป็นไหน ๆ เลย!

Urban Decay นี้เขาจะเก่งเรื่องเครื่องสำอางที่มีสีสัน ดังนั้นเราดีใจนะที่เห็นเขากลับมาทำเครื่องสำอางที่สีจัดจ้านอีกครั้ง หากใครยังไม่อยากลองสีม่วง แต่อยากลองสีเข้มอื่น ๆ เขาก็มีสี Bang (a bright red-orange), Quiver (a medium red) รวมไปถึง Rapture (a deep mauve with shimmer) ให้ลองด้วยค่ะ เป็นอีก 3 สีแสบร้อนของบลัชรุ่นนี้ แต่หากคุณไม่ชอบปัดแก้มสีแรง ๆ แบบนี้ คอลเลคชั่นนี้เขาก็มีสีออกไปโทนธรรมชาติที่ทาง่ายด้วยเหมือนกัน น่าจะมีซักสีที่คุณชอบแน่นอนค่ะ

แล้วคุณชอบใช้เครื่องสำอางสีม่วงมั้ย? มีอะไรที่เป็นสีม่วงตัวโปรดบ้าง?

Purchase