ซัมเมอร์นี้ Urban Decay ออกพาเล็ท Naked ตัวใหม่มาแล้วค่ะ จริง ๆ มันก็คือ Naked4 นั่นแหละแต่แบรนด์เขาเรียกว่าเป็น Naked Smoky แทนเพื่อให้เข้ากับสีอายแชโดว์แนว smoky ด้านในของพาเล็ท และถึงแม้ว่าชื่อมันจะฟังดูแล้วงง ๆ (เพราะมีทั้งคำว่า Naked และ Smoky) แต่ว่ามันก็ make sense อยู่เหมือนกันนะ คือเราคิดว่าคำว่า “Naked” ตอนนี้เนี่ยะมันเหมือนกลายเป็นชื่อสกุลไปแล้ว และผลิตภัณฑ์อันไหนก็แล้วแต่ที่ผลิตออกมาภายใต้นามสกุลนี้ก็จะมีชื่อเหมือนเป็นชื่อจริงต่างกันไป อะไรประมาณนั้น และวิธีนี้ก็จะช่วยให้ทางแบรนด์สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาได้ตลอดภายใต้ชื่อ Naked มันจะมีวันจบสิ้นมั้ยน่ะหรือ? เราก็ไม่แน่ใจแต่ว่าเราก็จะซื้อพาเล็ท Naked ทุกอันที่ออกมาอีกแน่นอนตราบใดที่แบรนด์ยังผลิตอยู่เพราะเราเป็น collector ตัวยง อีกอย่างที่เราคิดว่าทำไมชื่อถึง make sense ก็คือ สีในพาเล็ทนี้มันครอบคลุม eye look ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น look เบา ๆ สบาย ๆ ไปจนถึง look แบบ smokey หนัก ๆ หรือ look กลาง ๆ และก่อนที่เราจะเริ่มรีวิววันนี้เราขอบอกก่อนเลยว่าเราจะใช้คำว่า “smokey” แทน “smoky” นะคะ นอกจากว่าจะเป็นการเอ่ยชื่อพาเล็ท (เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่เรารู้สึกว่าคำว่า smokey แบบที่มีตัว “e” มันแลดูถูกต้องมากกว่า มีใครคิดเหมือนเราบ้าง?)
The whole package



สำหรับเราแล้วเราว่า Urban Decay Naked Smoky Eyeshadow Palette อันนี้นี่มีรูปร่างหน้าตาสวยกว่าพาเล็ท Naked อื่น ๆ ที่ผ่านมาเลยค่ะ พาเล็ทจะเป็นเคสพลาสติกแข็งแรงสี gunmetal และมีลวดลายควันบวกกับตัวหนังสือที่ยกขึ้นเป็น 3 มิติอยู่บนฝา ทำให้หน้าตาโดยรวมดูทันสมัยดีมากกว่าเวอร์ชั่นก่อน ๆ ฝาปิดด้วยแรงแม่เหล็ก ฝาเปิดได้ 180° เลย (และเปิดค้างไว้ได้) และจะให้มันหยุดที่องศาไหนก็ได้ทำให้สะดวกในการใช้งาน ข้างในพาเล็ทมีกระจกขนาดเท่าฝาและมีแปรง 2 หัวมาให้ด้วย

ส่วน instruction leaflet ก็จะมีวิธีการสร้าง look แบบต่าง ๆ เป็น step-by-step เลย มี 4 looks มาให้ลองทำตามค่ะ ได้แก่ Iconic UD Smokey Eye, Smoky Reality Star, Smoky Cat และ Everyday Smoky เราว่าเก็บแผ่นนี้ไว้ก็ดีค่ะ เวลาวันไหนนึกสร้าง look อะไรไม่ออกก็ทำตามได้เลย!

ส่วนแปรง 2 หัวนั้นทำมาจากขนแปรงสังเคราะห์ทั้ง 2 ด้าน ด้านซ้ายเป็น Smoky Smudger Brush ส่วนด้านขวาเป็น Tapered Crease Brush ขนแปรงนุ่มกำลังดีบนผิว ไม่ทิ่มไม่แข็งไม่ข่วน แต่ว่ามันจะรู้สึกเฟิร์มไปนิดนึงในความรู้สึกเรา เราก็เลยชอบใช้แปรงเราเองที่นิ่ม ๆ หน่อยและฟู ๆ หน่อยมากกว่า แต่เราก็เก็บอันนี้เอาไว้ในพาเล็ทค่ะเผื่อเวลาฉุกเฉิน!


At a glance

พาเล็ทมีสีอายแชโดว์ทั้งหมด 12 สี จัดเรียงเป็นกลุ่มตามสีและเนื้อสี 4 สีแรกเป็นเนื้อชิมเมอร์และเป็นสีทาตาแบบสบาย ๆ และเป็นสีไฮไลท์ 4 สีถัดมาเป็นเนื้อซาตินและเป็นสี smokey เข้ม ๆ มืด ๆ ส่วน 4 สีสุดท้ายเป็นเนื้อแม็ทที่เป็นสี transition และสีไฮไลท์ซะส่วนใหญ่ การจัดเรียงตัวของสีแบบนี้ทำให้คุณมองเห็นชัดเป็นกลุ่ม ๆ เลยว่ากลุ่มไหนไว้สำหรับสร้าง look ธรรมดาสบาย ๆ กลุ่มไหนไว้สำหรับสร้าง smokey eye เข้ม ๆ และกลุ่มไหนไว้สำหรับเป็นการ sculpt รูปตาเบา ๆ แต่ว่าคุณก็สามารถผสมสีต่าง ๆ กันระหว่างกลุ่มเพื่อสร้าง look แบบอื่น ๆ ออกไปอีกได้ด้วยค่ะ
เราพบว่าสีส่วนมากในพาเล็ทนี้มีเม็ดสีชัดเจนดีและใช้งานง่าย สีชิมเมอร์นั้นเนื้อครีมมี่และนุ่มแบบกำมะหยี่อย่างที่เรารู้จักกันดีกับอายแชโดว์ของ Urban Decay ส่วนสีเนื้อแม็ทนั้นก็นุ่มและเนียนและแทบไม่มีเม็ดสีร่วงหล่นเลย ส่วนสีเนื้อซาตินนั้นยังไม่นุ่มและนวลเท่าที่เราอยากให้เป็นแต่ว่าก็ยังสามารถใช้งานได้ง่ายอยู่
อย่างหนึ่งที่คุณอาจจะสังเกตได้ทันทีเลยเวลาลอง swatch สีก็คือสีมันจะไม่นุ่มเหมือนเนยและออกเปียก ๆ นิด ๆ crumble หน่อย ๆ เหมือนกับสีในพาเล็ท Naked อันก่อนหน้า ของอันนี้เนื้อจะบางกว่า แข็งกว่า และกดมาในถาดแน่นกว่า ทำให้เนื้อสัมผัสแล้วรู้สึกแห้งกว่า เราไม่ทราบว่าอันนี้ทางแบรนด์ตั้งใจทำแบบนี้มารึเปล่าแต่ว่ามันช่วยลดไม่ให้เม็ดสีร่วงหล่นระหว่างทาและหลังทาได้เยอะเลยทีเดียว
แต่การที่เนื้อมันแห้งขึ้นเนี่ยะมันก็เลยทำให้ใช้เวลานานขึ้นนิดนึงในการ blend สีแต่ว่ามันก็ไม่ได้ blend ยากหรืออะไรนะคะ มี 2-3 สีที่ทาแล้วสีไม่ค่อยติดผิวดีเท่าที่ควร แต่ก็แก้ไขได้โดยง่ายโดยการทาทับเบสเนื้อครีมเพื่อให้เม็ดสีเกาะติดผิวดีขึ้น ส่วนระยะเวลาการติดทนนั้นก็ติดทนดีทั้งวันหากทาทับไพรเมอร์ และเราก็แนะนำให้ทาทับไพรเมอร์ทุกครั้งเพื่อเป็นการปลอดภัยไว้ก่อนไม่ให้สีจางหรือตกตามริ้วรอยระหว่างวัน พูดถึงแล้วพาเล็ทนี้มันก็เป็นพาเล็ทสี smokey เข้ม ๆ เนอะ ดังนั้นก็ต้องเตรียมใจเตรียมเวลาสำหรับสร้าง look นิดนึงค่ะ


Whole palette swatches

High, Dirtysweet, Radar, Armor, Slanted, Dagger,
Black Market, Smolder, Password, Whiskey, Combust, and Thirteen
High, Dirtysweet, Radar, and Armor

High, Dirtysweet, Radar, and Armor
- High – pink beige champagne; glittery finish
เป็นสีทาตาและไฮไลท์หัวตาที่สวยมาก! เนื้อนุ่ม ครีมมี่ และเม็ดสีแน่นชัด สามารถ build ให้สีทึบกลายเป็นเนื้อออกแนวเมทาลิคได้ตราบใดที่คุณค่อย ๆ กดสีลงบนเปลือกตา อย่าทาไปทามาเพราะอาจทำให้พวกเม็ดกลิตเตอร์ร่วงได้ - Dirtysweet – medium bronze; shimmery finish
สีนี้เป็นสีทาตาเนื้อชิมเมอร์ที่เนียนสวย เม็ดสีชัดเจนดี เนื้อและสีแอบบางนิดนึงแต่ว่าสามารถ build ให้เข้มขึ้นได้ง่าย เนื้อแห้งและแข็งกว่าสี High แต่ว่าก็ยัง blend ได้ง่ายบนผิวอยู่ค่ะ - Radar – warm medium brown; shimmery finish with fine gold sparkles
สีนี้เนื้อสีบาง เม็ดสีบาง และเนื้อแห้งมาก สีอ่อนสุด ๆ เวลาใช้ต้องแบบกด ๆ ลงไปเลยค่ะ แต่ว่าการที่มันสีค่อนข้างอ่อนแบบนี้ก็ทำให้ใช้เป็นสี transition ได้ดี แต่สีก็ blend ง่ายอยู่นะคะ ดูเหมือนจะยากแต่ไม่ - Armor – silver-taupe; shimmery finish with fine silver sparkles
สีนี้เนื้อเหมือนสี High คือนุ่ม ครีมมี่ เม็ดสีชัดเจน เป็นสี taupe เนื้อเมทาลิคนิด ๆ ที่สวย ทาแล้วได้เปลือกตาเงา ๆ สวยงามมาก นอกจากนี้สามารถใช้นิ้วแตะสีเบา ๆ ลงไปทาทับเปลือกตาตรงกลางเป็นสเต็ปสุดท้ายเพื่อเพิ่มความระยิบระยับแก่เปลือกตาได้ด้วยค่ะ
Slanted, Dagger, Black Market, and Smolder

Slanted, Dagger, Black Market, and Smolder
- Slanted – muted silver gray; satin finish
เป็นอีกหนึ่งสีที่แห้งแต่ไม่รุนแรงเท่าสี Radar ความเข้มสีกำลังดีแต่ว่าทาแล้วสีจางและตกตามริ้วรอยเร็วมาก ต้องใช้เบสเนื้อครีมหรือเนื้อหนา ๆ เนียน ๆ หน่อยลงเป็นฐานไว้ก่อน แต่ว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากค่ะ เพราะเราก็ยังสามารถใช้สีนี้สร้าง eye look ที่เดี๋ยวจะได้เห็นด้านล่างได้อย่างสบาย ๆ - Dagger – charcoal gray; satin finish
เม็ดสีเข้มดีปานกลาง แต่เวลาทาจะออกแห้ง ๆ และสีไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่ ต้องใช้เวลาในการ blend พอสมควรเพื่อให้ได้เอ็ฟเฟ็กต์ฟุ้ง ๆ แต่ว่าก็ไม่มีเม็ดสีร่วงหล่นระหว่างทาหรือเนื้อตีขึ้นเป็นผง ๆ ระหว่างใช้แต่อย่างใด - Black Market – black; satin finish
Urban Decay อธิบายสีนี้ว่าเป็นสีดำสนิทหรือ “jet black” แต่เราว่ามันยังไม่ค่อยดำเท่าไหร่ค่ะ มันเหมือนจะเป็นดำอ่อน ๆ มากกว่า ไม่ใช่ดำ jet black แน่นอน หลายคนคงทราบว่าเราชอบให้มีสีดำสนิทในพาเล็ท เราก็เลยแอบมีผิดหวังกับสีนี้เล็กน้อย สีนี้ต้องใช้ความพยายามในการ build เพื่อให้ได้ contrast มากขึ้น เนื้อสีแห้งและบางแต่ถ้าใครใช้สีนี้แค่เพื่อสร้างความฟุ้งให้กับ look เท่านั้นมันก็เพอร์เฟ็กต์สำหรับจุดประสงค์นั้นค่ะ - Smolder – deep purple plum; satin finish
พาเล็ทไหนมีสีม่วงเนี่ยะก็จะดูพิเศษขึ้นทันที และสี Smolder นี้ก็เป็นสีม่วงที่สวยมากซะด้วย ถึงแม้ว่าเนื้อจะแห้งและบางไปนิดแต่ว่าอย่างน้อยมันก็ยัง build และ blend ได้ง่ายอยู่มาก
Password, Whiskey, Combust, and Thirteen

Password, Whiskey, Combust, and Thirteen
- Password – purple taupe; matte finish
สีนี้ดูในถาดแล้วเหมือนสีออกไปทาง taupe เย็น ๆ สวย ๆ แต่พอ swatch แล้วจะเห็นโทนสีม่วงเด่นออกมาเลย เนื้อนุ่ม เนียนดีมาก ทำให้ blend ง่าย เม็ดสีก็เข้มกำลังดีใช้ได้ เนื้อไม่เป็นผงฟุ้ง ๆ หรือทาแล้วดู chalky แต่อย่างใดค่ะ ไม่มีเม็ดสีร่วงหล่นระหว่างใช้ด้วย - Whiskey – warm brown; matte finish
เป็นเนื้อแม็ทที่ดีมาก เม็ดสีแน่น ชัดเจน เนื้อเนียน blend ง่ายสุด ๆ โดยสีไม่ฟุ้งหรือไม่ร่วงระหว่างทาและระหว่างวัน เป็นสีทาบริเวณ crease ได้สวยหากใช้เบา ๆ นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้เป็นสีในการ sculpt เปลือกตาเบา ๆ ได้ด้วย - Combust – pale pink beige; matte finish
เป็นสีที่สวยนะสีนี้แต่ว่าสีมันใกล้เคียงกับสีผิวเรามากเราก็เลยใช้เป็นสีเบสแทน เป็นเนื้อแม็ทที่เนียนดี เม็ดสีชัดเจน และเกลี่ยง่าย แต่หากทาเยอะทาหนาเกินมันก็จะรู้สึก chalky ได้เล็กน้อย - Thirteen – white beige; matte finish
เป็นอีกหนึ่งสีแม็ทที่เนื้อดีมาก นุ่มเนียน ครีมมี่ เกลี่ยง่าย และเม็ดสีแน่นดีมากด้วย ผงสีก็นุ่มละมุนและใช้แต่เพียงเล็กน้อยก็พอแล้วสำหรับการใช้เป็นสีไฮไลท์ค่ะ
Eye look




สำหรับ look นี้เราลงสี Combust เป็นสีเบสเพื่อให้สีที่ทาต่อไปเกลี่ยง่ายขึ้น เราตั้งใจใช้สีที่เนื้อไม่ค่อยดีเท่าไหร่คือสี Slanted เป็นสีหลักแล้วเราก็ค่อย ๆ แพ็คสีลงไปแน่น ๆ โดยการกดด้วยแปรงทาตาแบบแบน ๆ จากนั้นเราก็ทำขอบตาให้ฟุ้ง ๆ ด้วยสี Black Market และลากยาวลงไปตามขอบตาล่างด้วย เราใช้สี Whiskey เป็นสีลงบริเวณ crease สี Thirteen เป็นสีไฮไลท์โหนกคิ้ว และสี High เป็นสีไฮไลท์มุมตาด้านใน สเต็ปสุดท้ายเราใช้นิ้วมือแตะสี Armor ขึ้นมาแล้วไปแตะ ๆ ตรงบริเวณตาเพื่อเพิ่มประกายและความเงาให้แก่ตา
- Upper lash liner: Kat Von D Ink Liner สี Trooper (รีวิว)
- Lower lash liner: Urban Decay 24/7 Glide-On Eye Pencils สี Sabbath (รีวิว)
- Cheeks: Urban Decay Afterglow 8-Hour Powder Blush สี Bittersweet (รีวิว) และ Kevyn Aucoin The Contour Book The Art of Sculpting + Defining (รีวิว)
- Lips: MAC lip liner, lipstick, and lipglass สี Heroine (รีวิว)
โดยรวมแล้วเราว่าพาเล็ท Urban Decay Naked Smoky นี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาพาเล็ทที่มีสีพร้อมสำหรับสร้าง look กลางวันและกลางคืน สีทั้งหมดในพาเล็ทนั้นไม่ใช่สีแปลกใหม่หรือว่าหาสีเหมือนได้ยากแต่อย่างใด แต่ว่าการมีสีแบบนี้มารวมกันเลยก็ทำให้พาเล็ทมันดูเกือบสมบูรณ์และใช้งานได้หลากหลาย ที่เราบอกว่าเกือบสมบูรณ์ก็เพราะว่าเราเสียดายที่มันไม่มีสีดำสนิทจริง ๆ มาให้ไว้สำหรับสร้าง contrast ชัด ๆ เราว่าสีดำสนิทนี่ควรจะมีไว้ในพาเล็ทแนว smokey นะ นอกจากนี้ก็ดูเหมือนจะขาดสี crease color ที่มีสีเข้มปานกลางด้วย แต่ว่าคุณก็สามารถผสมสีที่มีอยู่เพื่อสร้างสี crease เองได้อยู่ พูดถึงแล้วเราก็ประทับใจนะที่สีของพาเล็ทนี้ทาแล้วเม็ดสีไม่ร่วงหล่นเยอะเหมือนกับสีในพาเล็ท Naked ก่อน ๆ แต่ว่าเราก็คิดถึงความนุ่ม ครีมมี่อย่างกับเนยอย่างกับกำมะหยี่แบบสีเก่า ๆ ที่ Urban Decay เคยทำเหมือนกัน ก็หวังว่าพาเล็ทหน้าทางแบรนด์เขาจะปรับปรุงเนื้อสีอีกนิดนึงเพื่อให้ได้ทั้งความนุ่มเนียนบวกกับเม็ดสีที่ติดดีขึ้นไม่ร่วงหล่นง่ายไปในตัวเลย
Comparison to previous Naked palettes



กรุณาอย่าถามเรานะคะว่าจะซื้อพาเล็ท Naked พาเล็ทไหนดี! เพราะเราไม่สามารถเลือกได้จริง ๆ :D คือแต่ละพาเล็ทมันก็มีความสวยแตกต่างกันไปค่ะ
พาเล็ท original Naked นี้จะมีสีที่เป็นสีแบบคลาสสิค foolproof ทาง่ายทาสบายได้ทุกวัน นอกจากนี้ก็มีสีเข้ม ๆ สีสองสีให้มาด้วยเพื่อให้คุณสามารถเปลี่ยน look กลางวันเป็นกลางคืนได้โดยง่ายตามต้องการ
พาเล็ท Naked2 เป็นสีโทนเย็น ๆ เทา ๆ เหมาะกับคนที่คิดว่าพาเล็ท original มันสีอุ่นเกินไปหน่อย
พาเล็ท Naked3 หรือพาเล็ท Naked โปรดสุดของเราเป็นพาเล็ทที่เต็มไปด้วยสีชมพูแสนสวยมากมาย เราหยิบพาเล็ทนี้มาใช้บ่อยที่สุดค่ะเพราะสีมันทาง่ายมาก ทุกสีนี่ก็เข้ากันได้ดีมากด้วย เหมาะมากกับคนที่คิด look ไม่ค่อยเป็น จนถึงวันนี้เราก็ยังไม่พบพาเล็ทสีชมพูพาเล็ทไหนที่สวยมากเท่ากับพาเล็ท Naked3 นี้เลย!
พาเล็ท Naked Smoky นี้ก็เหมือนกับเป็นการรวมกันของทุกสิ่ง มีสี neutral ปลอดภัยรวมไปถึงสีแนว smokey เข้ม ๆ คม ๆ ดูไปแล้วก็เหมือนกับการนำสีจากพาเล็ทแรกกับ 2 มารวมกันและเพิ่มสีม่วงแสนสวยเข้าไป
และนี่ก็คือรีวิวพาเล็ท Naked Smoky ของเรารวมถึงการเปรียบเทียบกับพาเล็ท Naked อันก่อน ๆ เรารู้ว่ารีวิวนี้ยาวมากแต่ว่าอย่างน้อยเราก็หวังว่ามันจะมีประโยชน์สำหรับคุณบ้างนะคะ หากมีคำถามอะไรก็ถามเราได้เลยค่ะ (แต่อย่าถามว่าจะซื้อพาเล็ท Naked Smokey นี้ดีหรือไม่ เพราะเราเป็น collector ดังนั้นเราก็จะหาเหตุผลดี ๆ มาบอกให้คุณซื้อแน่นอนค่ะ ;D)
Purchase
US$54 at Nordstrom ○ Sephora ○ Ulta ○ Macy's ○ Beauty.com
฿2,250 at Sephora Thailand