หลังจากที่ได้ยินคำชมของ Rouge Volupté Shine มานาน ในที่สุดเราก็ตัดสินใจซื้อมาลองดูค่ะ! เหตุผลที่เรารอมานาน ไม่ซื้อซักทีก็เพราะว่ามันไม่มีสีไหนที่ถูกใจเราจริง ๆ จนกระทั่งได้มาเจอสี 19 Fuchsia in Rage นี้! เราไม่ทราบมาก่อนเลยนะคะว่าสีนี้เนี่ยะ Lisa Eldridge (ดู video) เธอเป็นคนเอามาโปรโมทจนโด่งดังไปทั่ว จนมาตอนทำ research สำหรับเขียนรีวิวนี้แหละ เราถึงมาอ่านเจอ ^_^ หลังจากที่ได้ลองใช้จริง ๆ แล้ว เราถึงบางอ้อเลยว่าทำไมเธอถึงแนะนำสีนี้!


packaging ของลิปสติก YSL เนี่ยะ ต้องบอกว่าเกินกว่าเลอค่าอีกค่ะ มันเป็นสัญลักษณ์เลยก็ว่าได้ หรูหราตลอดกาลมองได้ไม่มีเบื่อ ทุกอย่างที่เห็นนั้นเป็นงานรายละเอียดจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวแท่งสีทองแวววาวแสนสวย ไปจนถึงโลโก้ของแบรนด์ที่สลักวาดมาไว้อย่างสวยงามและละเอียดอ่อน และข้างใต้งานสลักก็จะเป็นแถบสีสดใสซึ่งเป็นตัวบอกว่าลิปสติกข้างในคือสีอะไร นอกจากจะรูปสวยแล้วยังเลือกหยิบสีมาใช้ได้ง่ายด้วยค่ะ แท่งมันจะหนักนิดหน่อย ส่วนฝานั้นก็ปิดคลิ๊กลงมาแน่นหนาดี เราชอบ packaging นี้มาก ๆ! ♥

ส่วนเรื่องของสีนั้น ต้องบอกว่าแปลกค่ะ เราพูดแบบนี้เพราะว่าสี 19 Fuchsia in Rage ที่เห็นเป็นม่วงองุ่นสดใสในหลอดเนี่ยะ (สีไม่เหมือนใคร เป็นเหตุผลที่เราซื้อสีนี้แต่แรก) พอทาลงไปบนปากเราหรือแม้แต่ swatch ลงบนแขนก็ตาม มันดันเปลี่ยนสีกลายเป็นชมพูเข้มมาเจนต้าบานเย็นไปซะงั้น! สีม่วงของมันไม่มีเห็นเลยบนปากเรา แถมพวกชิมเมอร์สีฟ้าสีชมพูที่เห็นในแท่งพอทาไปแล้วจริง ๆ ก็ไม่เห็นเหมือนกัน
สีที่กลายมาเป็นชมพูเนี่ยะ คือเราก็ชอบอยู่ แต่ก็อดผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้ น่าเสียดายว่าสีที่เห็นในแท่งมันไม่เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ตอนทา เราก็ยังคงใช้สีนี้อยู่ตามปกติแหละค่ะ เพราะว่าชอบเนื้อมัน แต่สีชมพูแบบนี้บอกตรง ๆ ว่ามันไม่ได้พิเศษอะไรมากนักสำหรับเรา

พูดถึงเรื่องเนื้อของมัน อันนี้เราต้องบอกว่าชอบสุด ๆ ค่ะ! :)
ทุกอย่างที่คุณได้ยินมาสำหรับลิปสติกรุ่น Rouge Volupté Shine นี้นั้น มันถูกต้องหมดค่ะ! เนื้อมันให้ความชุ่มชื้นดีจริง ๆ ตอนทาเนื้อมันจะแตกต่างจากชาวบ้านเขาตรงที่ว่าเนื้อมันจะบาง ออกใส ๆ นิด ๆ ด้วยซ้ำ (ลักษณะอย่างกับน้ำแน่ะ) แต่ว่าเนื่องจากความเข้มสีมันสูงมาก ทำให้ทาไปครั้งเดียวก็ได้สีแบบแจ่มสุด ๆ เลย ปกติลิปสติกอื่นที่สีเข้ม ๆ แบบนี้ทาไปปุ๊บ คุณจะรู้สึกได้เลยว่ามีอะไรอยู่บนปาก แต่กับตัวนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยค่ะ เหมือนไม่ได้ทาอะไรบนปากเลยจริง ๆ!
แถมตอนทาเนื้อก็เนี้ยนเนียนไหลลื่นไปอย่างกับเนย ไม่ใช่เนยเฉย ๆ ด้วยนะ แต่เป็นเนยที่หลอมแล้วด้วย! ทานุ่มจริง ๆ แต่ว่าบางทีก็มีแอบนุ่มเกินทำให้บางครั้งเวลาที่เราต้องการความแม่นยำบริเวณมุมขอบปากหรือรอยหยักปากบน เราต้องหยิบเอาแปรง lip brush มาช่วยทา เนื้อแบบนี้ทาแล้วปากรู้สึกนุ่มขึ้น ชุ่มชื้นขึ้นทันทีเลยค่ะ แถมสี Fuchsia in Rage ก็ไม่ไปเน้นพวกริ้วรอยหรือรอยแห้งบนปากด้วย มันจะไปช่วยปกปิดซะด้วยซ้ำ นอกจากนี้เนื้อมันก็มีกลิ่นหอมออกแนวมะม่วงด้วยนะ กลิ่นหอมอร่อยมาก!
หลังจากทาใหม่ ๆ จะรู้สึกว่าสีมันจะเปื้อนง่ายนิดนึง เพราะเนื้อมันลื่นมาก แต่ว่ารอซักพักมันก็จะเซ็ทกลายเป็นสีแบบสเตนที่ให้ความเงากำลังสวยค่ะ


เรื่องความติดทนนั้นเราว่าก็ดีเลยนะสำหรับสูตรที่เป็นแบบ “shine” เราทาสีนี้ได้ติดทนนานถึงประมาณ 3 ชม. เลย จากนั้นจะเริ่มจางลง ความเงาของมันจะไปก่อนเพื่อน จากนั้นตามด้วยสีจางแต่ว่าก็จางลงอย่างสม่ำเสมอกันไม่เป็นจ้ำ ๆ แต่ปากเราจะยังคงรู้สึกนุ่มอยู่ทั้งวันค่ะ แล้วทั้งวันเราพบว่าเราเม้มปากตัวเองบ่อยมากเพราะว่าเนื้อตัวนี้มันทำให้ปากนุ่ม เลยอยากเม้มบ่อย ๆ :)

ถึงแม้ว่าสีมันจะทาแล้วไม่ได้สีม่วงอย่างที่เราหวังไว้ แต่เราก็ยังคงชอบสีที่กลายมาเป็นสีชมพูของมันอยู่ มันเป็นชมพูที่ทาแล้วสนุก ทำให้หน้ามีสีสันสดใสและสว่างขึ้น แถมเข้ากันได้ดีกับ makeup look ที่เราแต่ง ๆ เป็นประจำด้วย อีกอย่าง เราเป็นคนบ้าลิปสติกสีชมพูอยู่แล้ว อีกซักแท่งเราก็ไม่มีปัญหาค่ะ!
สูตรเพิ่มความชุ่มชื้น ทาแล้วสบายของมันนี้ก็ถือว่าเหมาะเลยสำหรับการใช้ในช่วงหน้าหนาว ตอนนี้เราก็เริ่มมอง ๆ สีใหม่ที่อยากซื้อแล้ว แต่ว่าคราวหน้าตอนซื้อ เราจะลองทาทั้งบนแขนและบนปากดูก่อนเลยว่าสีที่ได้นั้นตรงกับสีในแท่งจริง ๆ รึเปล่า :)
แล้วคุณเคยลองลิปสติกรุ่น Rouge Volupté Shine นี้รึยัง? มีสีไหนที่คุณแนะนำบ้างคะ?
กำลังอยากได้สีนี้เยย แฟนเบรคพลอยว่า เหมือนแม่หมด เอาซะหมดความมั่นใจจะซื้อเยยง่าาาาาาา ดิ้นๆๆๆๆ5554444444
เหมือนแต่ในแท่งน้า แต่ทาออกมาแล้วชมพูเชียว :) บอกแฟนเงียบไป ฉันจะซื้อ เงินฉัน เชอะ! 555
เป็นลิปสติกทีสีเพี้ยนจากแท่งไปเยอะมากเลยค่ะ
ทาออกมาก็สวยนะคะ แค่มันไม่ม่วงเหมือนที่ตาเห็นในแท่งเท่านั้นเอง
ช่าย… เราผิดหวังนิดหน่อย :-/