เห็นชื่อรีวิววันนี้คุณอาจจะคิดว่า “อ้ะ อีกละ รีวิวพาเล็ทสี neutral อีกละ” แต่เราขอบอกว่าอันนี้แตกต่างค่ะ! คือพาเล็ท The Starlet ของ Marc Jacobs นี้ดูผิวเผินคุณอาจจะคิดว่าสีมันก็ไม่ได้เด่นหรือแปลกใหม่อะไร แต่ว่ามันต้องลองสัมผัสเนื้อและความแน่นสีดูค่ะ คุณถึงจะรู้ว่ามันไม่ธรรมดาเลย พาเล็ทนี้สำหรับเราแล้วมันแตกต่างและคุณภาพดีกว่าพาเล็ทสี neutral อื่น ๆ มาก แตกต่างและดีกว่าอย่างไร เดี๋ยวเราจะรีวิวให้ฟังค่ะ! :)
อย่างแรกเลยคือเรื่องของ packaging ค่ะ เราไม่เคยเห็นอะไร sleek ขนาดนี้มาก่อนเลยจริง ๆ!
ตัวพาเล็ทมีขนาดยาว เป็นสีดำเงา ๆ ที่ดูเผิน ๆ แล้วอย่างกับไม่ใช่พาเล็ทอายแชโดว์ด้วยซ้ำ! :) ถ้าให้เราอธิบายลักษณะพาเล็ท คงจะต้องบอกว่าดูเรียบหรู ง่าย และทันสมัย ตัวพาเล็ทเป็นสีดำหมดแต่ว่าพอใส่ชื่อแบรนด์ลงไปบวกกับปุ่มกลม ๆ สีเงินไว้กดเปิดฝาพาเล็ทเท่านั้นก็กลับทำให้ตัวพาเล็ทดูหรูหรามีระดับขึ้นมาทันที ดีไซน์ของมันบางเฉียบดีมาก ถือถนัดมือ แถมจะสไลด์ใส่ลงกระเป๋าเครื่องสำอางก็ง่าย แต่ถ้ามีอย่างนึงที่เรายังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นั่นก็คือ (พูดจากมุม OCD ของเรานะ) พลาสติกที่เขาใช้ทำพาเล็ทนี้มันโชว์รอยนิ้วมือชัดมาก!
โชคดีที่เขาแถมถุงคลุมมาให้ด้วย! ถุงมันจะลักษณะยาว ๆ ทำจากผ้าบาง ๆ เนื้อมันจับแล้วจะไม่รู้สึกว่านุ่มหรือป้องกันรอยกระแทกอะไร แต่ว่าอย่างน้อยมันก็ไม่ดักฝุ่นเยอะเหมือนพวกที่มาเป็นผ้ากำมะหยี่ เราชอบที่ปลายด้านบนมีกระดุมมาให้ด้วย พาเล็ทข้างในจะได้ไม่ไหลออกมา ส่วนอีกด้านนึงของถุงด้านในจะมีแปรงจิ๋วหัวฟองน้ำใส่มาให้ด้วย นอกซะจากว่าใครชอบใช้แปรงลักษณะนี้ เราแนะนำว่าให้เก็บมันไว้ในถุงอย่างนั้นดีกว่า และเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉิน
ตัวพาเล็ทเปิดออกมาแล้วจะเห็นกระจกยาวไปตามฝาเลย และเหนือสีอายแชโดว์ก็จะมีแผ่นพลาสติกสีดำทึบวางทับมาไว้ด้วย พวกแผ่นพลาสติกส่วนมากนี่เราจะทิ้งทันทีหลังเปิดพาเล็ทใช้ แต่ของพาเล็ทนี้เราเก็บค่ะ :)
และนี่ก็จะเป็นรูปร่างหน้าตาพาเล็ทข้างใน สวยมากจริง ๆ เนอะ? เห็นแล้วทำให้อยากรีบคว้าแปรงมาจิ้ม ๆ และเล่นกับสีทันที! :D
อ้ะ คราวนี้มาเข้าเรื่องสีอายแชโดว์จริง ๆ ซักที! พาเล็ทนี้มีทั้งหมด 7 สีค่ะ สีครอบคลุม neutral eye look ต่าง ๆ ได้ดี มีสีออกแนว taupe, champagne, brown, copper, gold, silver ไปจนถึง pewter อย่างที่เราบอกตอนต้นนะคะว่า ดูผิวเผินแล้วสีก็ธรรมดาไม่ได้แปลกใหม่อะไร โดยเฉพาะถ้าคุณมีพาเล็ทสี neutral เยอะมากอยู่แล้วด้วย แต่ความแตกต่างนั้นมันอยู่ที่คุณภาพของเนื้อสีและ finish ของมันค่ะ
แต่ละสีนี้เนื้อเนียนนุ่มละมุนมากอย่างกับครีมเลย เม็ดสีก็แน่นเข้มสะใจ ทาไปเบา ๆ ครั้งเดียวก็ได้สีทึบทันที และทุกสีของพาเล็ทนี้มี finish ไปทางเมทาลิคหมดเลยค่ะ ใช่ค่ะ ทุกสีเลย เคยเห็นพาเล็ท neutral อันไหนเป็นสีเมทาลิคหมดเลยมั้ยล่ะ กิ๊บเก๋นะ และก่อนที่คุณจะโบกมือลาบ๊ายบายอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่าสีมันจะวูบวาบแวววาวเกินกว่าที่จะไว้ทาไปทำงานทุกวัน เราแนะนำว่าให้คุณลองเล่นลองจับมันดูก่อน คุณจะแปลกใจเมื่อพบว่าแต่ละสีนั้นสามารถทาให้ออกมาดูเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ได้อย่างง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็น look ตอนกลางวันหรือกลางคืนก็ตาม :)
เนื้อของมันก็อย่างกับไม่ใช่แป้ง สำหรับเราแล้วมันรู้สึกเหมือน 70% ครีม บวก 30% แป้งเลย :D เนื้อนุ่มมากจริง ๆ แถมแค่แตะ ๆ สีบนผิวมาทาก็พอแล้วที่จะได้ความเข้มสีชัดเจนบนผิว ทุกสีเนื้อดีมาก ทาง่าย เกลี่ยง่าย เม็ดสีเกาะผิวแน่นดีถึงขนาดที่ว่าบางทีคุณคิดว่าคุณเกลี่ยเยอะไปแล้วแต่สีมันก็ยังชัดอยู่ ไม่จางหายไปหมดเลยอยู่ดี นอกจากนี้แต่ละสีก็ติดทนนานทั้งวันดีด้วยค่ะ ขนาดเราไม่ได้ลงไพรเมอร์ไว้ก่อน สีก็ยังติดทนเลย เราประทับใจกับคุณภาพสีของพาเล็ทนี้จริง ๆ :)
Shade breakdown
เนื่องจากว่าแต่ละสีไม่มีชื่อบอกมา เราจะเรียกเป็นสีเบอร์ #1 ถึง #7 ละกัน เริ่มจากสีซ้ายมือสุดก่อน
- #1 – mauve-purple taupe; metallic finish
สีนี้เป็นสี taupe ที่ทาแล้วสวยมาก เพราะว่ามันมีสี mauve/purple ผสมเป็นเบสด้วย สีเข้มดีทั้ง ๆ ที่เป็นสีอ่อน เนื้อนุ่ม เกลี่ยง่าย จะทาให้ทั่วตาก็สวยหรือจะใช้เป็นสี smoke ให้ฟุ้ง ๆ ก็สวย - #2 – champagne beige; metallic finish
สีนี้มีกลิตเตอร์ผสมอยู่ด้วย เห็นชัดเจน และเวลาที่มันกระทบแสงหลังทาไปบนตานั้นสวยมาก ๆ ค่ะ เนื้อนุ่มละมุนใช้ได้ ทาแล้วไม่รู้สึกสากแต่อย่างใด ช่างเป็นสีผู้หญิง ๆ จริง ๆ จะทาตรงมุมหัวตาด้านในก็สวย หรือจะทาไปตาม crease line ก็สวยค่ะ - #3 – medium-dark warm brown; metallic finish
น้ำตาลนี้ถือเป็นหนึ่งในสีน้ำตาลที่ดูหรูหราและสวยมากในบรรดาน้ำตาลที่เราเคยเห็นมาเลย เนื้อมันนุ่มมากสุด ๆ จริง ๆ คุณภาพดีมากจนเราอดคิดไม่ได้ว่าถ้าสีอายแชโดว์ทุกสีในโลกนี้มีเนื้อแบบนี้ก็คงจะดีมาก! :D ความเข้มสีก็แน่นจริง ๆ เกลี่ยแล้วสีก็ไม่จางเร็ว เราชอบใช้สีนี้ตรงมุมขอบตาด้านนอกเพื่อเพิ่มความลึกให้ตาและเพื่อบาลานซ์สีของ look บางทีเราก็ลงสีนี้ไปตามขอบตาล่างด้วยเพื่อให้ตาดูคมขึ้นค่ะ - #4 – orange copper; metallic finish
สีนี้เป็น star and center ของพาเล็ทเลย! เนื้อเนียนละมุนเกลี่ยง่าย สีคอปเปอร์ของมันนั้นสว่างและสนุกมาก เราชอบใช้สีนี้แต้ม ๆ ตรงบริเวณด้านในของขอบตาล่างค่ะ เพิ่มสีสันให้กับตาได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้บางทีเราก็จะลงสีนี้ตรงบริเวณ crease เพื่อทำให้ตาดูสว่างขึ้น สีนี้ใช้แต่น้อย ๆ แตะเบา ๆ พอนะคะ เพราะเม็ดสีเข้มมาก ๆ! - #5 – warm gold; metallic finish
สีนี้ไม่ใช่ทองธรรมดาทั่วไปนะ ออกทองอุ่น ๆ เพราะว่ามีสีเขียวมะกอกผสมเป็นเบสด้วย สีนุ่ม สีเข้มดี แต่แอบมีหลุดเป็นผงง่ายเล็กน้อย ความเงาแบบเมทาลิคของมันก็วูบวาบมาก ทำให้ตอนทาต้องคอยระวัง ๆ ว่าจะทาตรงไหน ส่วนมากเราจะใช้เป็น accent color ค่ะ หรือไม่ก็ลงเป็นสีเปลือกตาแต่จะลงแค่ใต้แนว crease เท่านั้น - #6 – silver; metallic finish
สีเงินนี้ถึงแม้จะดูสวยมากก็ตาม แต่เราไม่ค่อยได้ใช้เลยค่ะ คือสีเงินกับเรานี่ยังไงทาแล้วมันก็ดูไม่เข้า มันดูหลอก ๆ ยังไงชอบกล แต่เนื้อสีมันแน่นมากนะคะ เนียน เกลี่ยง่ายมากด้วย - #7 – taupe pewter; metallic finish
เรารัก รัก รักสีนี้สุด ๆ! เป็นสีที่ใช้งานได้หลากหลายจริง ๆ ปกติเราชอบสีแนว taupe เบา ๆ เซ็กซี่ ๆ แบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพอได้มาเห็นว่ามีมาให้ในพาเล็ทด้วยก็ยิ่งทำให้เรารักพาเล็ทนี้มากขึ้นไปอีก! เนื้อสีดี นุ่มเนียน ทาได้เรียบเนียนเสมอกัน ความเข้มสีก็กำลังพอดี ๆ เบาพอที่จะทาให้ทั่วตาให้ได้ look แบบ smokey เบา ๆ ก็ได้หรือจะทาทับ ๆ ให้สีเข้มขึ้นก็ทำได้ง่ายค่ะ รักสีนี้มาก!
อย่างที่บอกค่ะ เราชอบพาเล็ทนี้จริง ๆ ประทับใจกับคุณภาพของทุกสีมาก แต่เสียดายอย่างนึงว่ามันไม่มีสีไฮไลท์เนื้อแม็ทมาให้ด้วยน่ะสิ แต่ว่าสีธรรมดาแบบนี้สามารถหาได้จากพาเล็ทอื่นอยู่แล้วเนอะ :)
The eye look
สำหรับ look นี้เราหวังว่าคุณคงจะพอมองเห็นนะคะว่าถึงแม้ว่าสีพวกนี้จะมี finish เป็นแบบเมทาลิค แต่ว่ามันก็สามารถใช้ทาให้ออกมาดูเบา ๆ เหมาะสมกับ look สบาย ๆ ไปทำงานได้
เราลงสี gold (#5) ไปตามเปลือกตาถึงประมาณ 2/3 ของตาและหยุดต่ำลงมากจากรอย “imaginary” crease line นิดหน่อย เราปิดท้ายที่เหลือ 1/3 ด้วย 2 สีผสมกันคือสี brown (#3) และ pewter (#7) เราใช้สี copper (#4) ทาไปตามรอย crease เพื่อให้ look ดู warm ขึ้นและสว่างขึ้นเล็กน้อย เราใช้สีเดียวกันนี้ลากไปตามเส้นขอบตาล่างด้วยเพื่อให้ตาดูมีสีสันสดใส จากนั้นเราใช้สี brown (#3) อีกครั้งลงตรงมุมตาของขอบตาล่างเพื่อให้ตาดูคมขึ้นและมีมิติขึ้นเล็กน้อย ปิดท้าย look นี้ด้วยสี champagne beige (#2) เบา ๆ บริเวณหัวตาด้านในเพื่อให้ตาดูตื่นขึ้นสว่างขึ้นค่ะ :)
และนี่ก็คือรีวิวเราสำหรับพาเล็ท Marc Jacobs The Starlet อย่าเพิ่งไปตกใจหรือคิดว่าสีและเนื้อแบบเมทาลิคมันจะแวววาวเกิน ลองเล่นกับมันดู และคุณอาจจะประหลาดใจเหมือนเราก็ได้ว่าสีมันใช้ง่าย ทาได้ง่ายจริง ๆ เรามีอีกหนึ่งพาเล็ท Style Eye-Con No.7 Plush Shadow ที่ตอนนี้เรากำลังลองเล่นอยู่ด้วย บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งพาเล็ทที่เราหลงรักค่ะ เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราจะเอามารีวิวให้อ่านกัน :)
Purchase
US$59 at Sephora
฿2,400 at Sephora Thailand
