เราได้ยินสิ่งดี ๆ หลายอย่างเกี่ยวกับสกินแคร์ของแบรนด์ Erno Laszlo มานานแล้วค่ะ ตัวสบู่ก้อน White Marble Treatment Bar นี่เป็นที่โปรดปรานของหลาย ๆ คนแถมยังเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุดของแบรนด์อีกด้วย คือก่อนใช้เราก็ไม่รู้นะว่ามันจะดีแค่ไหนเพราะปกติเราไม่ชอบใช้สบู่ก้อนล้างหน้าอยู่แล้ว แต่พอได้มาลองใช้แล้วก็รู้เลยค่ะ ว่าสบู่ก้อนล้างหน้าที่ดี ๆ มันก็มีอยู่นะ และของ Erno Laszlo นี่ก็เป็นอะไรที่ไม่เหมือนใคร ทำงานได้ดีมากเหมาะสมกับทุกคำชมที่ได้รับจริง ๆ!



เซ็ทที่เรานำมารีวิวในโพสท์นี้คือเซ็ท Erno Laszlo Lighten & Brighten White Marble Cleansing Set ค่ะ ซึ่งเป็นเซ็ทขนาดทดลองของสินค้า 2 ชนิดคือตัวสบู่ White Marble Treatment Bar และออยล์ล้างเครื่องสำอาง White Marble Cleansing Oil เซ็ทถูกบรรจุมาในถาดพลาสติกสีดำแข็งแรงที่มีที่กั้นตรงกลางแยก 2 ผลิตภัณฑ์ไว้ นอกจากนี้ก็มีฝาครอบถาดอีกชั้นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและปกป้องของด้านใน
ทางแบรนด์แนะนำว่าให้ล้างเครื่องสำอางออกด้วยคลีนซิ่งออยล์ก่อนเป็นสเต็ปแรก จากนั้นจึงตามด้วยสบู่ก้อนเพื่อปรับผิวให้ขาวสว่างใส เราจะรีวิวแต่ละตัวแยกกันนะคะ


First step: The White Marble Cleansing Oil

สเต็ปแรกคือการล้างหน้าก่อนด้วยตัว White Marble Cleansing Oil วิธีใช้ก็แค่เทออยล์ลงบนฝ่ามือแล้วก็นวดเป็นวงกลมให้ทั่วหน้าเพื่อละลายเครื่องสำอางและกำจัดสิ่งสกปรกออก ตัวออยล์มีกลิ่นเหมือนผลไม้ค่ะ (ปนกันระหว่างกลิ่นส้ม มะนาว และมะพร้าว) กลิ่นเบาไม่ได้แรงมากอะไร เราพบว่าออยล์สามารถละลายเครื่องสำอางทุกรูปแบบได้ดีมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็นแบบกันน้ำหรือติดทนนาน แต่เนื้อออยล์แห้งค่อนข้างเร็วค่ะ เราเลยรู้สึกว่าเราต้องใช้ปริมาณเยอะขึ้นตอนใช้มากกว่าเวลาที่เราใช้คลีนซิ่งออยล์ของแบรนด์อื่น นอกจากนี้ตอนใช้ให้พยายามหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตาด้วยเพราะเราเคยใช้แล้วเข้าตาปรากฏว่าแสบมาก! :) หลังใช้ผิวเราสัมผัสได้เลยว่าสะอาดแล้วก็ชุ่มชื้นดี ไม่มันหรือเหนียว เนื้อออยล์เหมือนจะปรับสภาพผิวเราให้พร้อมต่อการล้างด้วยสบู่ก้อนในสเต็ปต่อไป
ในรูปด้านล่างนี้เราลองสวอทช์ลิควิดอายไลน์เนอร์แบบกันน้ำ ทิ้นท์ทาปากและแก้ม รองพื้นแบบ full coverage รวมถึงลิปสติกที่ทิ้งรอยสเตนไว้บนปากลงบนแขนเราค่ะ จากนั้นก็ลองใช้ตัวคลีนซิ่งออยล์มาลบดู อย่างที่เห็นในรูปถัดไปนะคะว่าออยล์สามารถละลายเครื่องสำอางทุกตัวได้อย่างสะอาดหมดจด ยกเว้นตัวทิ้นท์ทาปากและแก้มที่ยังคงเหลือร่องรอยสเตนไว้บาง ๆ ซึ่งเราก็ไม่แปลกใจค่ะ เพราะพวกทิ้นท์ที่สเตนแรง ๆ เนี่ยะ ส่วนมากก็ไม่มีอะไรลบออกได้หมดจดในทันทีอยู่แล้ว


Second step: The White Marble Treatment Bar


ส่วนตัวสบู่ก้อน White Marble Treatment Bar นั้นเขาแนะนำมาให้ใช้เป็นสเต็ปที่ 2 ในการล้างหน้าค่ะ สูตรของตัวนี้เขาใช้เทคโนโลยี nano-encapsulation กับส่วนผสมสำคัญในสบู่เพื่อที่ว่าในขณะล้าง ส่วนผสมเหล่านี้จะถูกดูดซึมไว้ที่ผิวเพื่อค่อย ๆ ทำงานไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าสบู่จะถูกล้างออกไปแล้วก็ตาม ส่วนผสมสำคัญเหล่านี้คือ (1) fruit acids สารสกัดจากผลไม้ที่มีกรด AHAs สูงรวมถึง willow bark extract ไว้สำหรับเป็น exfoliator, (2) nano-encapsulated LumiWhite Complex เป็นตัวปรับผิวให้ขาวขึ้นด้วยการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน และ (3) Shear butter และ Vitamin C เป็นตัวให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวรวมถึงคอยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ
เราชอบถาดที่ให้มาตรงที่ด้านสบู่มันมีรูพรุนเจาะไว้ด้วยเพื่อให้สบู่แห้งเร็วหลังใช้ ตัวสบู่เองมีกลิ่นแนวผลไม้กลิ่นเดียวกันเลยกับตัวคลีนซิ่งออยล์ ถูให้ขึ้นฟองได้ง่ายมากแถมไม่ต้องใช้เยอะก็ล้างได้ทั่วหน้าแล้วค่ะ ทางแบรนด์แนะนำให้ใช้ด้านมุมของสบู่ในการถูไปตามหน้าเพื่อช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้นไปในตัว แต่ปกติเราก็ใช้แต่มือและนิ้วนี่แหละในการล้างเพราะเร็วดี ผิวหลังใช้ไม่รู้สึกแห้งหรือตึงแต่อย่างใด ซึ่งเราก็แปลกใจนะ เพราะปกติสบู่ก้อนแบรนด์ทั่วไปเนี่ยะใช้เสร็จหน้าจะแห้งและตึงมาก
เรามีรอยสิวและจุดด่างดำบนแก้มพอสมควร เราจะใช้เซ็ทนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดแล้วจะกลับมารายงานอีกครั้งค่ะว่ามันสามารถทำให้ผิวขาวปราศจากจุดด่างดำได้จริงหรือไม่ แต่เรามีความหวังว่ามันจะทำได้นะดูจากส่วนผสมที่เป็นกรดอ่อน ๆ แล้ว นอกจากเซ็ท White Marble แล้ว ทางแบรนด์ยังมีเซ็ท double cleanse ประเภทอื่น ๆ ให้เลือกใช้อีกหลายเซ็ทเลยค่ะ อาทิเช่น Hydra-Therapy, Detoxifying, Firmarine รวมถึงเซ็ท Sensitive สำหรับผิวที่แพ้ง่าย ทุกเซ็ทเป็นขนาดทดลองเหมาะแก่การพกพารวมถึงการให้เป็นของขวัญในทุกโอกาสพิเศษด้วยค่ะ
Purchase
White Marble set: ฿1,050 at Sephora Thailand
Explore other sets: ฿1,050 at Sephora Thailand
Disclosure: The featured product was provided for review consideration. All opinions expressed herein are honest and my own.