Nudestix เป็นแบรนด์ที่เชื่อในเรื่องการแต่งหน้าแบบเบา ๆ เพื่อเน้น features บนใบหน้าของแต่ละบุคคลมากกว่าการเล่นสีจัดจ้านค่ะ แฮชแท็กของแบรนด์คือ #gonudebutbetter หมายถึงการแต่งหน้าแบบนู้ดที่ดูดี ซึ่งมันเป็น makeup style ที่เราแต่งเป็นประจำเกือบทุกวันอยู่แล้ว นอกจากนี้แบรนด์ยังออกแบบสินค้าให้เป็นอะไรที่ใช้ง่าย ทุกอย่างมาในรูปแบบดินสอเครยอนที่คุณสามารถหยิบมาวาด ๆ เกลี่ย ๆ ได้แบบรวดเร็ว สิ่งที่เรานำมารีวิวในวันนี้มันใช้ง่ายมาก ๆ แถมมี 2 สิ่งทีจำเป็นสำหรับการไฮไลท์และคอนทัวร์รวมมาด้วยกันในแท่งเดียวเลย นั่นก็คือ Nudestix Sculpting Pencil ค่ะ



แพ็คเกจจิ้งของ Nudestix นี่โดดเด่นไม่เหมือนใครค่ะ เพราะทุกอย่างเขาจะมาในกล่องดินสอสีดำเนื้อแม็ท ที่ด้านในฝามีกระจกขนาดเต็มมาให้ และนอกจากตัวเมคอัพเองจะมาในรูปแบบดินสอเครยอนแล้ว ในทุกกล่องเขายังมีกบเหลาและวิธีการใช้เมคอัพชิ้นนั้น ๆ ให้มาด้วย ตัวกล่องเองสามารถใส่ดินสออย่างอื่นลงไปได้อีกประมาณ 2-3 แท่งทำให้เหมาะมากสำหรับใช้ในการเดินทาง
ตัว Sculpting Pencil นี้เป็นเครยอน 2 หัว ด้านหนึ่งไว้สำหรับเป็นสีไฮไลท์ ส่วนอีกด้านเป็นสีสำหรับการคอนทัวร์ ทั้ง 2 ด้านมีเนื้อแบบเดียวกันคือแม็ทเนื้อครีมซึ่งเบล็นด์ได้ง่ายมาก มีส่วนผสมบำรุงผิวเช่น Shea butter และ Vitamin E นอกจากนี้ยังไม่มีส่วนผสมของ Parabens, Sulfates, Phthalates และน้ำหอมด้วยค่ะ

Nudestix Sculpting Pencil นี่เขาบอกว่าไว้สำหรับการคอนทัวร์แบบเบา ๆ ซึ่งเขาพูดจริงนะ ถึงขั้นบนเว็บไซต์ของแบรนด์เองก็ยังบอกไว้เลยว่านี่ไม่ใช่เครยอนที่ให้สีจัดจ้านนะจ๊ะ ดังนั้นหากใครกำลังมองหาเมคอัพสำหรับคอนทัวร์คม ๆ ชัด ๆ ตัวนี้คงไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะลงทุนค่ะ แต่สำหรับเราแล้ว มันเป็นอะไรที่ใช่เลย!
รุ่นนี้มี 4 เฉดสีให้เลือกซื้อ สีของเราคือ Light/Medium 1 ซึ่งมีสีไฮไลท์เป็นสีชมพูอ่อนอมวานิลลา และสีคอนทัวร์เป็นสีน้ำตาลอม taupe เรารู้สึกว่ามันเป็นสีที่เหมาะกับการไฮไลท์และคอนทัวร์บนสีผิวเรามาก เพื่อการรีวิวที่ไม่ bias เราจะแยกรีวิวแต่ละด้านแยกกันนะคะ

The highlighting end

เราชอบที่เนื้อมันนุ่มครีมมี่และเม็ดสีแน่นดีค่ะ คือวาดไปบนผิวได้ง่ายมากแถมให้สีสว่างชัดเจน เนื้อเป็นแบบแม็ทไม่มีชิมเมอร์วิ้งวับใด ๆ เราชอบความรู้สึกตอนทาใหม่ ๆ มาก แต่ต้องยอมรับว่าความตื่นเต้นมันลดลงตอนเริ่มเบล็นด์ เพราะเราพบว่าเนื้อครีมของมันนั้นมักจะไปเน้นรอยแห้ง แถมตกตามรูขุมขนและริ้วรอยด้วย แถมมันยังเบล็นด์ไม่ดีมากอย่างที่คิดไว้ คือความรู้สึกมันเหมือนเป็นคอนซีลเลอร์หนัก ๆ มากกว่าเป็นสีไฮไลท์ วิธีแก้ของเราคือใช้ให้น้อยลงค่ะ คือเขาแนะนำมาว่าให้เขียนเป็นเส้นยาว ๆ ไปใช่มั้ยคะ แต่เราจะแค่แตะเป็นจุด ๆ เบา ๆ แทนแล้วก็เบล็นด์ด้วยนิ้วมือหรือฟองน้ำ Beautyblender ตาม ทำแบบนี้แล้วเรารู้สึกว่ามันช่วยให้ final look นั้นดูเนียนกับผิวเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะเวลาที่ใช้เยอะเกินมันจะดูหนักและเค้กพอสมควรค่ะ
The contouring end

ส่วนด้านนี้บอกเลยว่าเราชอบสีมันมาก ๆ! เป็นน้ำตาลอม taupe ที่ทาแล้วดูเข้ากับผิวเราได้ดีเลย ส่วนเนื้อของมันนี่ต้องบอกว่านุ่มเนียนสุด ๆ ทาไปบนผิวนี่ลื่นเลยค่ะ ทำให้เวลาใช้รู้สึกสนุกกับการวาดเส้นบนหน้ามาก เนื้อเป็นแม็ทไม่มีชิมเมอร์เช่นกันซึ่งเหมาะกับการไว้ทำคอนทัวร์ แต่อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์การใช้เราเหมือนกันกับตอนใช้ด้านไฮไลท์ คือพอเริ่มเบล็นด์เราก็เริ่มผิดหวังนิดหน่อย เพราะว่าสีมันบางลงและจางลงเร็วมากค่ะ คือเราก็เข้าใจนะว่าแบรนด์เขาออกแบบมาไว้สำหรับการคอนทัวร์เบา ๆ แต่อันนี้มันออกจะเบาเกินไปนิด ทำให้หลังใช้กับก่อนใช้ดูแล้วไม่ค่อยจะแตกต่างกันเลย หากใครอยากได้คอนทัวร์แบบที่เป็นแค่เงาบาง ๆ อันนี้น่าจะตอบโจทย์คุณค่ะ แต่สำหรับคนที่ต้องการให้เห็นคอนทัวร์ชัด อันนี้คงไม่ใช่ หรือก็อาจจะเป็นเพราะว่าสี Medium 1 นี้อาจจะไม่ใช่สีที่เหมาะกับเราก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าหากได้ลองสีที่เข้มกว่านี้ประสบการณ์การใช้ของเราอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ค่ะ
รูปข้างล่างนี้เราลงสีไฮไลท์ไปตามหน้าผาก โหนกคิ้ว สันจมูก และคาง แล้วก็ลงสีคอนทัวร์ไปที่ใต้โหนกแก้ม ข้างจมูก รวมไปถึงตามขอบผมและกรามด้วย รูปนี้เรานำมาลงเพื่อให้คุณเห็นว่า effect มันเบาจริง ๆ เพราะนี่เราลงหลายชั้นมากนะคะ แต่ผลที่ได้ยังดูเบาอยู่เลย

ข้อด้อยอย่างหนึ่งของทั้ง 2 ด้านคือปลายมันทู่เร็วมากค่ะ เพราะด้วยความที่เป็นเนื้อแบบครีม โดยเฉพาะด้านสีคอนทัวร์นี่ทู่เร็วสุด ๆ ประมาณว่าใช้เสร็จครั้งนึงก็ต้องเหลากันเลยค่ะ และเหลาแต่ละทีก็รู้ ๆ กันว่าต้องเสียเนื้อไปอีกโดยเปล่าประโยชน์ เราเลยรู้สึกว่าราคากับปริมาณที่ได้ยังไม่คุ้มกันเท่าไหร่ น่าจะดีกว่าหากแบรนด์ทำมาเป็นขนาดจัมโบ้ ส่วนเรื่องความติดทนเราให้อยู่ที่ 4-5 ชั่วโมงค่ะ หลังจากนั้นก็จะจางลงเล็กน้อย
ถ้าพูดถึงเรื่องเนื้อกับความสะดวกสบายในการใช้ เราให้เต็ม 10 เลยค่ะสำหรับตัวนี้ แต่หากพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพในการทำงาน เราคงต้องลบ 1-2 คะแนนออกด้วยเหตุผลดังที่กล่าวไปแล้ว ดินสอออกแบบมาให้เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งที่เปิดฝาปุ๊บก็ทา ๆ ปัด ๆ ได้เลย ง่ายนิดเดียว แต่พอได้ลองใช้จริงแล้วเรารู้สึกว่ามันต้องมีการ adjust ตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยให้เข้ากับผิวเรา อาทิเช่น อย่างด้านสีไฮไลท์นี้เราก็จะพยายามลงให้น้อยให้บาง แต่เกลี่ยให้มาก ส่วนสีคอนทัวร์นั้นเราจะลงให้มากและเกลี่ยให้น้อยแทน การเซ็ทด้วยแป้งตอนจบก็จำเป็นเพราะจะช่วยให้เนื้อครีมมันติดทนกับผิวนานขึ้น เพราะถ้าไม่เซ็ทนี่เนื้อมันถูออกได้ง่ายมากค่ะ Sculpting Pencil ตัวนี้อาจจะไม่ได้รับคะแนนเต็มจากเราแต่ว่าเราก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบแบรนด์ไปเลยหรอกนะคะ ยังมีอะไรหลายอย่างที่เราอยากลองจากแบรนด์อยู่ดี เพราะเอาเข้าจริง ๆ เราก็เริ่มรู้สึกสนุกกับการใช้เมคอัพในรูปแบบเครยอนเข้าแล้วสิ มันใช้สนุกและใช้สบายจริง ๆ ค่ะ!
Purchase
US$24 at Sephora
฿902 at Sephora Thailand
Disclosure: The featured product was provided for review consideration. All opinions expressed herein are honest and my own.