สิ่งที่เรานำมารีวิววันนี้เราซื้อมาแบบไม่ฟังเสียงตัวเองเลยที่บอกว่าคิดดี ๆ ก่อนมั้ย เพราะเราเคยใช้ผลิตภัณฑ์แบบนี้มาแล้วแต่เป็นของแบรนด์อื่นแล้วปรากฏว่าเราไม่ชอบเท่าไหร่ (มันมันวาวเกิน) อ้าวแล้วทำไมถึงซื้อเวอร์ชั่นของ YSL นี้ล่ะ? คำตอบง่าย ๆ เลยค่ะ หากคุณอ่านบล็อกเรามาพอสมควรคงจะทราบว่าเราเป็นคนบ้า packaging สวย ๆ หรู ๆ! เห็นเป็นไม่ได้! แถมอันนี้เขาบอกว่ามันจะเซ็ทกลายเป็นเนื้อแม็ทแป้ง ๆ เหมือนกับแป้งทาหน้าปกติด้วยแต่ว่าไม่เพิ่มความเทาให้กับหน้าเหมือนแป้ง เราก็เลยได้รีบจัดมา ไปดูกันค่ะว่าเราโชคดีกับการซื้อครั้งนี้รึเปล่า!


เรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดูหรูหรานี่แบรนด์ YSL ไม่เคยทำให้ผิดหวังค่ะ ตัว Touche Éclat Blur Perfector นี้ก็เช่นกัน ตัวนี้นี่พูดแล้วก็เป็นดีไซน์ที่เราชอบมากที่สุดตัวหนึ่งเลย ดูเป็นผู้หญิงดี นุ่มนวล สวยหรู เรียบง่าย คอมแพ็คเป็นสีชมพูอ่อนตัดกับทอง ดูแล้วศิลปะมาก ข้างในมีกระจกขนาดเต็มมาให้และฝาคอมแพ็คปิดด้วยการกดคลิ๊กแน่นหนาดี
ตัวพัฟที่ให้มานั้นเป็นสีขาวและด้านหลังเป็นหนัง แต่ว่าพัฟนี้เก็บรวมไว้ในคอมแพ็คไม่ได้ค่ะ ไม่มีที่ใส่ แต่ว่าเขาก็ให้ซองกำมะหยี่สีดำมาให้ด้วย ซึ่งข้างในมี 2 ช่อง ช่องหนึ่งไว้ใส่คอมแพ็ค อีกช่องไว้ใส่พัฟ ปกติเวลาพกคอมแพ็คไปไหนมาไหนสาว ๆ เราก็คงจะใส่ไว้ในซองกำมะหยี่ตลอดอยู่แล้วเพื่อกันรอยขีดข่วน ดังนั้นมันก็เหมือนกับการถือพัฟคู่ไปกับคอมแพ็คอยู่ในตัว เราชอบสีขาวสะอาดของพัฟนะ แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้สัมผัสมันนุ่มกับผิวมากกว่านี้หน่อย (ตอนใช้จริงมันจะดึงผิวเล็กน้อยค่ะ)



ทีนี้มาเข้าเรื่องตัวผลิตภัณฑ์จริง ๆ YSL Touche Éclat Blur Perfector นี้มันก็คือบาล์มที่ทำมาจากซิลิโคนอัดแข็งค่ะ แบรนด์บอกว่าพอทาไปบนผิวแล้วจะกลายเป็นความรู้สึกแป้ง ๆ และให้ความโกลว์อมชมพูแบบสีดอกกุหลาบแก่ผิว เนื้อของมันมองดูในคอมแพ็คแล้วเป็นสีชมพูอ่อน แต่ว่าพอทาไปบนผิวจริง ๆ แล้วมันจะกลายเป็นใสไปแทนค่ะ เราไม่พบว่ามันจะทำให้ผิวโกลว์อมชมพูอะไรนะ แต่โดยรวมผิวจะดูสว่างขึ้นเล็กน้อย

คุณสามารถใช้ตัวนี้ได้หลายวิธี:
- บนผิวเปล่าหลังบำรุงแล้ว เพื่อปรับผิวให้เนียนดูดีขึ้น และเบลอร์พวกริ้วรอย imperfections ต่าง ๆ (เสมือนการใช้แทนรองพื้น)
- ทาทับรองพื้นหรือ makeup เพื่อเซ็ท makeup และลดความเงา/มัน แต่ว่ายังคงความสว่างเปล่งปลั่งของผิวตามธรรมชาติไว้ (เสมือนการใช้แทนแป้ง)
- ไว้สำหรับ touch-up ระหว่างวันเพื่อปรับให้ผิวแม็ทและเพื่อคงความเนียนเสมือนการ airbrush ของผิวไว้
นอกจากจะใช้พัฟที่ให้มาในการทาแล้ว คุณก็สามารถใช้นิ้วมือหรือแปรงแต่งหน้าทาได้ด้วยค่ะ แต่ว่าวิธีโปรดเราคือใช้พัฟนั่นแหละ เราพบว่ามันให้ coverage สูงสุด ให้การเบลอร์ผิวได้ดีสุด และทำให้หน้าดูแม็ทที่สุด แต่ข้อเสียก็คือคุณต้องล้างพัฟบ่อยหน่อยเพื่อให้มันคงความสะอาดและปราศจากสิ่งสกปรกค่ะ
และไม่ว่าคุณจะใช้วิธีไหนในการทาก็แล้วแต่ ต้องคอยหมั่นเช็คตัวคอมแพ็คด้วยนะคะว่าเนื้อมันมีเครื่องสำอางไปปนอยู่หรือสเตนอยู่รึเปล่า หากมีต้องรีบทำความสะอาดโดยเร็วค่ะ


เวลาใช้บนผิวเปล่า เราพบว่ามันทำให้หน้าแม็ทสนิทได้ดีจริงค่ะ พวกรูขุมขนกว้างข้างจมูกและแก้มนี่ดูเบลอร์เนียนกริ๊บเลย ริ้วรอยตามหน้าผากและใต้ตาก็ดูเลือนลาง ผิวโดยรวมดูเนียนขึ้น นุ่มขึ้น เสมอกันขึ้น ตัวนี้ไม่ทิ้งความเงา เหนียว หนัก หนึบ หรือหนาเค้กแต่อย่างใด (นอกซะจากว่าคุณจะโหมลงเยอะเกิน) ส่วนเรื่องเนื้อกลายเป็นแป้งนั้นเราว่ามันก็ทำได้จริงแต่จะไม่เนียนแห้งสนิทเหมือนผลที่ได้จากการใช้แป้งจริงค่ะ
เวลาใช้ทาทับรองพื้นหรือ makeup เราว่ามันทายากนิดนึงค่ะ แต่ตราบใดที่คุณแค่แปะ ๆ ลงไปบนผิวเบา ๆ (โดยไม่ถู) ผิวก็จะดูเนียนได้เช่นกันโดยไม่ไปรบกวนรองพื้นหรือ makeup ด้านล่าง เราชอบตรงที่มันทำให้หน้าแม็ท ความมันหายกริ๊บไปเลย และก็ยังเบลอร์ผิวให้ดูเนียน และปรับผิวให้สว่างขึ้นเล็กน้อยไปในตัว มันไม่ทิ้งให้ผิวแห้งหรือดูเทา ๆ เหมือนที่แป้งส่วนมากเป็น คือใช้ตัวนี้ก็เหมือนการใช้แป้งเซ็ทแค่ว่ามันเป็นแป้งแบบใสจริง ๆ เท่านั้นไม่เพิ่มสีให้กับผิวแต่อย่างใด
สำหรับการใช้ touch-up หรือเติมระหว่างวัน เราแนะนำให้คุณซับผิวเอาความมันออกด้วยกระดาษซับมันก่อนจะดีที่สุดค่ะ เราเข้าใจว่าอ้าว งั้นก็อีกหนึ่งสเต็ปน่ะสิ แล้วจะใช้ตัวนี้ทำไม ก็จริง แต่ว่าในความรู้สึกเรา หากหน้ามัน ๆ อยู่เนี่ยะ แล้วคุณเอาสิ่งนี้ทับถมเข้าไปอีก มันก็อาจจะอุดตันและไม่สะอาดได้ คือเอาส่วนเกินออกก่อน แล้วค่อยใส่ส่วนใหม่เข้าไปน่าจะดีกว่า ส่วนผลที่ได้นั้นก็เช่นเดียวกับการใช้ทาทับรองพื้นหรือ makeup ค่ะ ผิวจะเนียน แม็ทในทันที


ในรูปหน้าด้านล่างเรานี้เราทา YSL Touche Éclat Blur Perfector บนผิวเปล่าค่ะ อาจจะมองเห็นยากหน่อยในรูป แต่รับรองว่าดูตัวจริงแล้วจะเห็นเลยว่ามันทำให้ผิวแม็ทและเนียนเบลอร์ได้ดีมากเมื่อเทียบกับด้านที่ไม่ได้ทา ผิวเราดูสว่างขึ้นและแอบโกลว์นิด ๆ ด้วย รูปขุมขนก็ดูเล็กลง (แต่ไม่ถึงกับหายไปเลย) ความเงามันก็หายไป แถมพวกริ้วรอยก็ดูลบเลือนด้วยค่ะ

ฟังดูดีมากเนอะมาถึงตรงนี้? แต่อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของตัวนี้ก็มีค่ะ คือมันไม่ควบคุมให้หน้าแม็ทได้นานแต่อย่างใด ซักประมาณชั่วโมงกว่า ๆ หน้าเราก็กลับมามันเหมือนเดิม แถมเรารู้สึกด้วยว่าต้องใช้ปริมาณมากนิดนึงต่อครั้งเพื่อให้ได้หน้าแม็ทตามที่เราต้องการ เราคิดว่าตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนที่อยู่ในสภาพอากาศเย็น หรือคนที่ผิวไม่ค่อยมันมากเท่าไหร่ หากใครที่ต้องการเพียงแค่สิ่งที่จะมาซับความมันบนผิวออกระหว่างวัน เราแนะนำให้ยังคงใช้แต่กระดาษซับมันต่อไปค่ะ ดีที่สุดแล้ว แต่กระดาษซับมันก็ไม่ได้ทำให้ผิวเนียนเบลอร์อย่างที่ Touche Éclat Blur Perfector ทำได้นะ ดังนั้นสำหรับเรา เราจะซับหน้ามันด้วยกระดาษซับมันให้หน้าแห้งก่อน จากนั้นจึงจะตามด้วย Touche Éclat Blur Perfector ตัวนี้เพื่อเกลี่ยผิวและเครื่องสำอางให้กลับมาเนียนเหมือนเดิมค่ะ

โดยรวมแล้วเราว่าสิ่งนี้ทำงานดีโอเคค่ะ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่ชอบทาแป้งเพราะรู้สึกว่าทำให้ผิวแห้งหรือดูว่อกเทา หรือคนที่ผิวดีอยู่แล้วและแค่อยากได้อะไรมาเติมนิดหน่อยให้ผิวดูเนียนเสมอกันขึ้น สำหรับใครที่อยากลองแต่ว่ายังไม่อยากตัดสินใจซื้อ ยังไงรอ giveaway ต่อไปของเราค่ะ เราจะมี sample ตัวนี้กับตัว YSL Touche Éclat Blur Primer ที่เรารีวิวไปแล้วที่หน้านี้มาแจกค่ะ
แล้วคุณคิดอย่างไรกับผลิตภัณฑ์กลุ่ม balm-to-powder complexion perfectors พวกนี้? เคยได้ลองของแบรนด์ไหนรึยัง? ใช้ได้ผลดีและชอบหรือไม่คะ?